จันทบุรี -ทหารพรานนาวิกโยธิน อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ยึดรถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน ได้ในพื้นที่ตะเข็บชายแดน หลังมีกลุ่มชายฉกรรจ์ 6 คน เตรียมนำข้ามแดนส่งขายเขมร
วันนี้ (16 ส.ค.) นาวาเอก ขวัญชัย ขำสม หัวหน้าชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธิน ที่ 4 อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก เรือเอกวิชาญ ดีเจริญ ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานนาวิกโยธิน 546 ฐานคลองโป่งน้ำร้อน ตั้งอยู่ ณ หมู่บ้านผักกาด หมู่ 4 ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน ว่า ช่วงคืนที่ผ่านมา (วันที่ 15 ส.ค.) มีแก๊งขโมยรถจักรยานยนต์ เป็นชายฉกรรจ์ 6 คน ใช้ความมืดเป็นที่กำบังตัว ขับรถจักรยานยนต์ 3 คัน ลัดเลาะไปตามตลาดการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา หมู่บ้านผักกาด เพื่อขับขี่ข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชา โดยไม่ผ่านการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่
ด้านทหารพรานนาวิกโยธินกองร้อย 546 จึงไล่ติดตาม กระทั่งใกล้มาถึงกลุ่มชายฉกรรจ์ ได้สั่งให้หยุดรถเพื่อตรวจสอบ แต่ปรากฏว่า กลุ่มชายฉกรรจ์กลับพยายามเร่งความเร็วของรถเพื่อให้พ้นการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่จึงยิงสกัดเพื่อบังคับให้กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวหยุดรถ ส่งผลให้กลุ่มชายฉกรรจ์ตกใจ ทิ้งรถจักรยานยนต์ทั้ง 3 คันไว้บริเวณตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา หมู่บ้านผักกาด และรีบข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชาทันที หลังรับรายงานได้มอบหมายให้ นาวาตรีวิศรุต โคตรเครื่อง รองหัวหน้าชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 4 นำเจ้าหน้าที่เดินทางตรวจสอบพร้อมประสานเจ้าของรับรถคืน
นาวาตรีวิศรุต กล่าว ว่า จากการตรวจสอบรถจักรยานยนต์ทั้ง 3 คัน พบว่า รถบางคันมีร่องรอยการงัดสวิสกุญแจสตาร์ทรถ และทั้ง 3 คันถูกถอดแผ่นป้ายทะเบียนทิ้ง ประกอบด้วย 1.รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีชมพู-ขาว, คันที่ 2 ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 สีชมพู ขาว และคันที่ 3 ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 100 สีดำ ต่อมาตรวจสอบว่า เป็นรถที่หายจากพื้นที่ ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน โดยถูกโจรกรรมจากบ้านเรือนใน ต.คลองใหญ่ จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ติดตามหาเจ้าของรถ จนทราบว่า เป็นรถของใคร และพร้อมให้เจ้าของรถจักรยานยนต์ นำหลักฐานมารับรถคืนในที่สุด
ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทหารพรานนาวิกโยธิน จ.จันทบุรี ได้รับแจ้งว่า มีรถจักรยานยนต์หายอย่างต่อเนื่อง โดยได้แจ้งเกือบทุกวัน จึงมีการเฝ้าระวังตามตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.จันทบุรี อย่างเข้มงวดและอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบแล้ว พบว่า รถจักรยานยนต์ที่หายส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มีการโฆษณาในโทรทัศน์ช่องต่างๆ ของไทย ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านก็ได้รับชมการโฆษณาดังกล่าวเช่นเดียวกัน และต้องการรถจักรยานยนต์ที่มีการโฆษณาอย่างยิ่ง แต่ภายในประเทศเพื่อนบ้าน รถจักรยานยนต์ที่โฆษณามีราคาแพง โดยราคาสูงกว่าในเมืองไทยถึง 1 เท่าตัว เช่น รถจักรยานยนต์บางรุ่น ราคาขายในเมืองไทย คันละกว่า 30,000 บาท แต่ในประเทศเพื่อนบ้าน ขายคันละกว่า 60,000 บาท ขณะที่รถจักรยานยนต์บางรุ่นก็ยังไม่มีวางจำหน่ายในประเทศเพื่อนบ้าน
นาวาตรีวิศรุต กล่าวต่อว่า รถจักรยานยนต์ที่หายนั้น มีคำสั่งซื้อเข้ามายังกลุ่มโจรกรรมรถ ซึ่งเป็นที่มาของการออกตะเวนขโมยรถจักรยานยนต์อย่างไม่ขาดระยะ เพื่อนำส่งตามคำสั่งซื้อจากประเทศเพื่อนบ้าน ในราคาที่ถูกว่าราคาขายในเมืองไทยถึง 3 เท่า เช่น รถจักรยานยนต์บางรุ่น บางคัน ในเมืองไทยขายคันละ 30,000 บาท แต่รถที่ขโมยเพื่อนำไปส่งมอบตามใบสั่งซื้อจากประเทศเพื่อนบ้าน ราคาลดลงเหลือเพียงคันละกว่า 10,000 บาท ด้วยสาเหตุนี้ ทหารพรานนาวิกโยธิน จ.จันทบุรี จึงได้รับแจ้งมีรถจักรยานยนต์หายแทบจะทุกวัน
วันนี้ (16 ส.ค.) นาวาเอก ขวัญชัย ขำสม หัวหน้าชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธิน ที่ 4 อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก เรือเอกวิชาญ ดีเจริญ ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานนาวิกโยธิน 546 ฐานคลองโป่งน้ำร้อน ตั้งอยู่ ณ หมู่บ้านผักกาด หมู่ 4 ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน ว่า ช่วงคืนที่ผ่านมา (วันที่ 15 ส.ค.) มีแก๊งขโมยรถจักรยานยนต์ เป็นชายฉกรรจ์ 6 คน ใช้ความมืดเป็นที่กำบังตัว ขับรถจักรยานยนต์ 3 คัน ลัดเลาะไปตามตลาดการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา หมู่บ้านผักกาด เพื่อขับขี่ข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชา โดยไม่ผ่านการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่
ด้านทหารพรานนาวิกโยธินกองร้อย 546 จึงไล่ติดตาม กระทั่งใกล้มาถึงกลุ่มชายฉกรรจ์ ได้สั่งให้หยุดรถเพื่อตรวจสอบ แต่ปรากฏว่า กลุ่มชายฉกรรจ์กลับพยายามเร่งความเร็วของรถเพื่อให้พ้นการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่จึงยิงสกัดเพื่อบังคับให้กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวหยุดรถ ส่งผลให้กลุ่มชายฉกรรจ์ตกใจ ทิ้งรถจักรยานยนต์ทั้ง 3 คันไว้บริเวณตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา หมู่บ้านผักกาด และรีบข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชาทันที หลังรับรายงานได้มอบหมายให้ นาวาตรีวิศรุต โคตรเครื่อง รองหัวหน้าชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 4 นำเจ้าหน้าที่เดินทางตรวจสอบพร้อมประสานเจ้าของรับรถคืน
นาวาตรีวิศรุต กล่าว ว่า จากการตรวจสอบรถจักรยานยนต์ทั้ง 3 คัน พบว่า รถบางคันมีร่องรอยการงัดสวิสกุญแจสตาร์ทรถ และทั้ง 3 คันถูกถอดแผ่นป้ายทะเบียนทิ้ง ประกอบด้วย 1.รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีชมพู-ขาว, คันที่ 2 ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 สีชมพู ขาว และคันที่ 3 ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 100 สีดำ ต่อมาตรวจสอบว่า เป็นรถที่หายจากพื้นที่ ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน โดยถูกโจรกรรมจากบ้านเรือนใน ต.คลองใหญ่ จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ติดตามหาเจ้าของรถ จนทราบว่า เป็นรถของใคร และพร้อมให้เจ้าของรถจักรยานยนต์ นำหลักฐานมารับรถคืนในที่สุด
ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทหารพรานนาวิกโยธิน จ.จันทบุรี ได้รับแจ้งว่า มีรถจักรยานยนต์หายอย่างต่อเนื่อง โดยได้แจ้งเกือบทุกวัน จึงมีการเฝ้าระวังตามตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.จันทบุรี อย่างเข้มงวดและอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบแล้ว พบว่า รถจักรยานยนต์ที่หายส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มีการโฆษณาในโทรทัศน์ช่องต่างๆ ของไทย ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านก็ได้รับชมการโฆษณาดังกล่าวเช่นเดียวกัน และต้องการรถจักรยานยนต์ที่มีการโฆษณาอย่างยิ่ง แต่ภายในประเทศเพื่อนบ้าน รถจักรยานยนต์ที่โฆษณามีราคาแพง โดยราคาสูงกว่าในเมืองไทยถึง 1 เท่าตัว เช่น รถจักรยานยนต์บางรุ่น ราคาขายในเมืองไทย คันละกว่า 30,000 บาท แต่ในประเทศเพื่อนบ้าน ขายคันละกว่า 60,000 บาท ขณะที่รถจักรยานยนต์บางรุ่นก็ยังไม่มีวางจำหน่ายในประเทศเพื่อนบ้าน
นาวาตรีวิศรุต กล่าวต่อว่า รถจักรยานยนต์ที่หายนั้น มีคำสั่งซื้อเข้ามายังกลุ่มโจรกรรมรถ ซึ่งเป็นที่มาของการออกตะเวนขโมยรถจักรยานยนต์อย่างไม่ขาดระยะ เพื่อนำส่งตามคำสั่งซื้อจากประเทศเพื่อนบ้าน ในราคาที่ถูกว่าราคาขายในเมืองไทยถึง 3 เท่า เช่น รถจักรยานยนต์บางรุ่น บางคัน ในเมืองไทยขายคันละ 30,000 บาท แต่รถที่ขโมยเพื่อนำไปส่งมอบตามใบสั่งซื้อจากประเทศเพื่อนบ้าน ราคาลดลงเหลือเพียงคันละกว่า 10,000 บาท ด้วยสาเหตุนี้ ทหารพรานนาวิกโยธิน จ.จันทบุรี จึงได้รับแจ้งมีรถจักรยานยนต์หายแทบจะทุกวัน