ชาวบ้านพานทองร้องผู้ตรวจฯหลังถูก อบต.พานทองสั่งให้รื้อถอนที่อยู่อาศัย

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวบ้านอำเภอพานทอง ร้องขอความเป็นธรรม หลังถูก อบต.พานทอง สั่งให้รื้อถอนที่อยู่อาศัย อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรม

วันนี้ (16 ส.ค.54) นายกลม สุขสมบูรณ์ ผู้ตรวจราชการสำนักงานนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดชลบุรี เป็นประธานการพิจารณาเรื่องความเดือนร้อนของราษฎรในพื้นที่อำเภอพานทอง ร้องเรียนเรื่องที่อยู่อาศัย เนื่องจากที่ผ่านมานางสาวปารณีย์ ทองมา ราษฎรตำบลพาน อำเภอพานทอง ได้มีหนังสือถึง ประธานกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดชลบุรี ร้องเรียนว่าได้รับความเดือนร้อนในเรื่องที่อยู่อาศัย

เนื่องจากนายกองค์การบริหารส่วนตำบลพานทอง ได้มีหนังสือแจ้งให้รื้อถอนที่อยู่อาศัยที่ครอบครองมาตั้งแต่ปี 2492 โดยอ้างแผนที่รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่สาธารณะ ที่ออกโดยสำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี ซึ่งออกแผนที่รุกล้ำเข้ามาในเขตที่อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์ของครอบครัวผู้ร้อง ที่มีสิทธิครอบครองจนหมดเป็นเนื้อที่ ประมาณ 50 ตารางวา ซึ่งพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรม กรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่ไม่สอดคล้อง กับข้อเท็จจริง ส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนแก่ราษฎร

โดยนางสาวปารณีย์ ทองมา เผยว่า ตนและครอบครัวได้อยู่อาศัย พื้นที่ดังกล่าวมามาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ที่สืบทอดกันมา ตั้งแต่ปี 2492 โดยเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมาทางครอบครัวได้รับหนังสือจากทาง อบต.พานทองว่า ให้ทำการรื้อถอนที่อยู่อาศัยออก โดยแจ้งว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นทางสาธารณประโยชน์ โดยเรื่องดังกล่าวทาง อบต. พานทอง ได้รับหนังสือร้องเรียน จากทาง บริษัทฮีดากา โยโก เอ็นแตอร์ไพรส์ จำกัด ว่าทางครอบครัวของตนได้ปลูกที่อยู่อาศัยบุกรุกทางสาธารณะ

โดยที่ผ่านมาทาง อบต.พานทองไม่เคยส่งหนังสือ หรือ คำสั่งใดๆ มายัง ครอบครัวเพื่อไปสอบสวนหรือแจ้งให้ทราบ จนกระทั้งในวันดังกล่าวได้ออกหนังสือสั่งให้รื้อถอนที่อยู่อาศัย ทั้งที่ครอบครัวของตนได้อยู่อาศัยกันมาตั้งแต่ สมัยบรรพบุรุษ ทำให้พวกเรามองว่าการกระทำดังกล่าวไม่โปร่งใสและไม่เป็นธรรม จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยัง ประธานคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดชลบุรี เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมโดยผู้ตรวจฯได้มีการลงมติว่า ขอให้ทาง อบต.ชะลอ การรื้อถอนที่อยู่อาศัยของนางสาวปารณีย์ ไว้ก่อน เพื่อสืบสวนหาข้อเท็จจริง ว่าทางครอบครัวของนางสาวปารนีย์ ได้ มีการครอบครองพื้นที่ดังกล่าว ไว้ตั้งแต่ปี 2492 จริง พร้อมกันนี้ทางคณะกรรมการได้ขอให้ทางครอบครัวของนางสาวปารณีย์ ได้ส่งเอกสารหรือหลักฐาน พยานบุคคลที่สามารถอ้างอิงได้เพื่อประกอบการพิจารณา ซึ่งคาดว่าจะได้รับความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย