ชง นอภ.แม่เมาะ ขอย้ายหมู่บ้านชาวเขา-โรงเรียนหนีดินถล่ม

ลำปาง - 2 หมู่บ้านในอำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปางยังน่าห่วง หลังมีดินสไลด์ลงจากภูเขา อดีตผู้นำหมู่บ้านเตรียมชงเรื่องถึงนายอำเภอแม่เมาะ ขอย้ายบางครอบครัว รวมทั้งโรงเรียนบ้านกลาง ออกจากพื้นที่เสี่ยงหวั่นดิน ถล่มน้ำป่าซัด

นายธนวัฒน์ ฉิมพลี ปลัดอำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง พร้อมด้วยนายลิขิต วิรัตน์เกษม เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอแม่เมาะ ได้ขึ้นไปชี้แจงต่อชาวบ้านกลาง ม.5 ตำบลบ้านดง อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง เป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (15 ส.ค.) หลังหมู่บ้าน บ้านกลาง และบ้านแม่ส้าน ถูกน้ำป่าทะลักจากภูเขาจนทำให้ถนนทางขึ้นหมู่บ้านถูกตัดขาดนานเกือบสองสัปดาห์ เนื่องจากดินสไลด์ปิดเส้นทาง จนถนนทรุด ไม่สามารถผ่านขึ้นลงได้

โดยทางเจ้าหน้าที่ได้นำรถขับเคลื่อนสี่ล้อทดสอบขึ้นไปอีกครั้ง ซึ่งสามารถผ่านจุดเสี่ยงขึ้นไปได้ เนื่องจากฝนหยุดตก แต่สภาพของข้างทางยังน่าเป็นห่วงเนื่องจากดินข้างถนนยังคงร่วนซุยและทรุดตัว ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก

ด้าน นายสมชาติ หละแหลม อดีตผู้ใหญ่บ้านได้นำดูจุดที่บ้านของชาวบ้านที่ถูกน้ำป่าซัดจนได้รับความเสียหายและยังหลงเหลือร่องรอยของต้นไม้ใหญ่ที่หักโค่นอยู่ พร้อมกับบอกว่าพื้นที่ของบ้านกลาง ล้อมรอบด้วยป่าไม้ซึ่งเป็นป่าเต็งรัง ดินจะร่วนเมื่อฝนตกติดต่อกันก็จะทำให้ดินสไลด์ลงมา ประกอบด้วยพื้นที่เป็นแอ่งกระทะ และหมู่บ้านมีลำห้วยหลายสายไหลผ่านกลาง หมู่บ้าน เมื่อฝนตกน้ำจากลำห้วยต่างๆ ก็จะทะลักขึ้นท่วมบ้านที่อยู่ใกล้ลำห้วยทันที ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก

ดังนั้น ในขณะนี้ตนจึงได้แจ้งเรื่องขอย้ายบ้านของชาวบ้านที่อยู่สองฝั่งลำห้วยออกจากพื้นที่ให้ไปอยู่ในพื้นที่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังติดขัดเนื่องจากบริเวณใกล้เคียงเป็นพื้นที่ป่าและผู้นำ คือผู้ใหญ่บ้านหมดวาระ จึงทำอะไรไม่ได้ แต่สิ่งที่จะต้องเร่งทำในระยะเร่งด่วนคือการทำฝายชะลอน้ำเพื่อชะลอการไหลของน้ำป่าและตัดต้นไม้ที่ขวางทางน้ำออกก่อน

นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนบ้านกลาง ซึ่งเป็นโรงเรียนสาขาของบ้านแม่ส้าน มีนักเรียน 36 คน ครู3 คน ซึ่งอยู่ใกล้กับพื้นที่ที่ดินภูเขาสไลด์ลงมา เกรงว่าหากมีฝนตกลงมาติดต่อกันอีก โอกาสที่ดินบริเวณดังกล่าวจะทรุดตัวและถล่มลงมามีมาก หากเป็นไปได้ก็อยากให้มีการย้าย ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์อันน่าสลดขึ้น

ขณะที่ นายวีระกิตต์ อินทรประสิทธิ์ นายอำเภอแม่เมาะ กล่าวว่า ทางอำเภอ ยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ เนื่องจากการจะอพยพชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้าน คือ บ้านกลาง และบ้านแม่ส้าน ซึ่งรวมแล้วเกือบ 700 ครอบครัว ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งต้องหาสถานที่รองรับ รวมถึงสาธารณูปโภคและอาชีพด้วย เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาจึงต้องคำนึงถึงวิถีชีวิตดั้งเดิมด้วยเช่นกัน

แต่เรื่องเร่งด่วนในขั้นแรก คือ การเข้าไปช่วยเหลือเรื่องความเป็นอยู่หลังประสบอุทกภัยและเร่งซ่อมแซมเส้นทางคมนาคมให้ได้ก่อน เพราะหากเส้นทางยังถูกตัดขาดการช่วยเหลือก็จะลำบาก