พะเยา - “แม่ญิงพะเยา” เตรียมทำแผนรับ “กองทุนพัฒนาสตรี จังหวัดละ 100 ล้าน” ตามนโยบายหาเสียง “ยิ่งลักษณ์-พรรคเพื่อไทย”
นางสุภัคสร วรรณปลูก ประธานเครือข่ายแม่ญิงพะเยา กล่าวว่า กรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรีผู้หญิงคนแรกของประเทศ ได้มีนโยบายเกี่ยวกับการสนับสนุนสตรีไว้ คือ การจัดตั้งกองทุนพัฒนาสตรีเฉลี่ยจังหวัดละ 100 ล้านบาท ซึ่งนโยบายดังกล่าวตนมองว่าหากมีการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการแล้ว อาจจะมีการผลักดันเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เชื่อว่าหากนโยบายมีผลในทางปฏิบัติกลุ่มสตรี องค์กรสตรี และสตรีผู้นำที่ทำงานทั้งหลาย จะได้รับแรงสนับสนุนให้ขับเคลื่อนกิจกรรมของสตรีมากขึ้น เพราะกองทุนพัฒนาสตรีจะต้องถูกนำไปใช้ในการพัฒนาสตรีโดยตรงทุกด้านและทุกรูปแบบที่มีความเหมาะสม ทำให้สตรีทำงานด้วยความทุ่มเทมากขึ้นไปอีก
ประธานเครือข่ายแม่ญิงพะเยา กล่าวต่อว่า สำหรับจังหวัดพะเยามีองค์กรสตรีที่ทำงานเชิงสังคมตลอดมา เช่น เครือข่ายแม่ญิงพะเยา คณะกรรมการพัฒนาสตรี (กพส.) ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด ทั้งด้านการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ โดยไม่มีค่าตอบแทนใดๆ ทั้งในรายส่วนตัวหรือกลุ่มบุคคล กลุ่มองค์กร ทุกวันนี้สตรีทำงานด้วยจิตอาสา พบผู้ด้อยโอกาสก็มองหาช่องทางให้การช่วยเหลือโดยไม่เกี่ยงงอน แต่บางครั้งเมื่อทำงานแล้วประสบปัญหาหนักก็ต้องการผู้ให้กำลังใจ ให้การสนับสนุนทั้งงบประมาณ บุคลากร ข้อมูลวิชาการต่างๆ ที่สนับสนุนกิจกรรมของสตรีได้อย่างต่อเนื่อง
“ดังนั้น เมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เปิดนโยบายดังกล่าวมาแล้ว จะต้องมีการขับเคลื่อนอย่างชัดเจนและจริงจัง ซึ่งเมื่อกลุ่มสตรีมีพลังเป็นแรงหนุนหนึ่งช่วยพัฒนาบ้านเมือง จะทำให้รัฐบาลทำงานเชิงสังคมให้มีคุณภาพได้มากขึ้น ทั้งนี้สตรีมีบทบาทร่วมกันทุกด้าน ทั้งการเมือง เป็นผู้แทนท้องถิ่น ผู้แทนระดับชาติ เศรษฐกิจ เป็นแม่บ้านประกอบอาชีพ พัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ และสังคม ช่วยดูแลเด็ก สตรี และผู้ด้อยโอกาส ได้อย่างดี” นางสุภัคสรกล่าว
นางสุภัคสรกล่าวอีกว่า ทางเครือข่ายฯ จะมีการหารือกลุ่มย่อยเพื่อนำแผนงานพัฒนาสตรีพะเยา ซึ่งเครือข่ายได้เคยมีการถอดบทเรียนและสรุปเป็นแผนงานไว้แล้ว ต้องนำมาพิจารณาจัดทำแผนให้พร้อมรองรับกับการมาของกองทุนพัฒนาสตรีดังกล่าว สามารถทำงานได้ทันทีที่รัฐบาลอนุมัติงบประมาณมาให้ได้ทุกเวลา” ประธานเครือข่ายแม่ญิงพะเยากล่าว
นางสุภัคสร วรรณปลูก ประธานเครือข่ายแม่ญิงพะเยา กล่าวว่า กรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรีผู้หญิงคนแรกของประเทศ ได้มีนโยบายเกี่ยวกับการสนับสนุนสตรีไว้ คือ การจัดตั้งกองทุนพัฒนาสตรีเฉลี่ยจังหวัดละ 100 ล้านบาท ซึ่งนโยบายดังกล่าวตนมองว่าหากมีการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการแล้ว อาจจะมีการผลักดันเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เชื่อว่าหากนโยบายมีผลในทางปฏิบัติกลุ่มสตรี องค์กรสตรี และสตรีผู้นำที่ทำงานทั้งหลาย จะได้รับแรงสนับสนุนให้ขับเคลื่อนกิจกรรมของสตรีมากขึ้น เพราะกองทุนพัฒนาสตรีจะต้องถูกนำไปใช้ในการพัฒนาสตรีโดยตรงทุกด้านและทุกรูปแบบที่มีความเหมาะสม ทำให้สตรีทำงานด้วยความทุ่มเทมากขึ้นไปอีก
ประธานเครือข่ายแม่ญิงพะเยา กล่าวต่อว่า สำหรับจังหวัดพะเยามีองค์กรสตรีที่ทำงานเชิงสังคมตลอดมา เช่น เครือข่ายแม่ญิงพะเยา คณะกรรมการพัฒนาสตรี (กพส.) ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด ทั้งด้านการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ โดยไม่มีค่าตอบแทนใดๆ ทั้งในรายส่วนตัวหรือกลุ่มบุคคล กลุ่มองค์กร ทุกวันนี้สตรีทำงานด้วยจิตอาสา พบผู้ด้อยโอกาสก็มองหาช่องทางให้การช่วยเหลือโดยไม่เกี่ยงงอน แต่บางครั้งเมื่อทำงานแล้วประสบปัญหาหนักก็ต้องการผู้ให้กำลังใจ ให้การสนับสนุนทั้งงบประมาณ บุคลากร ข้อมูลวิชาการต่างๆ ที่สนับสนุนกิจกรรมของสตรีได้อย่างต่อเนื่อง
“ดังนั้น เมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เปิดนโยบายดังกล่าวมาแล้ว จะต้องมีการขับเคลื่อนอย่างชัดเจนและจริงจัง ซึ่งเมื่อกลุ่มสตรีมีพลังเป็นแรงหนุนหนึ่งช่วยพัฒนาบ้านเมือง จะทำให้รัฐบาลทำงานเชิงสังคมให้มีคุณภาพได้มากขึ้น ทั้งนี้สตรีมีบทบาทร่วมกันทุกด้าน ทั้งการเมือง เป็นผู้แทนท้องถิ่น ผู้แทนระดับชาติ เศรษฐกิจ เป็นแม่บ้านประกอบอาชีพ พัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ และสังคม ช่วยดูแลเด็ก สตรี และผู้ด้อยโอกาส ได้อย่างดี” นางสุภัคสรกล่าว
นางสุภัคสรกล่าวอีกว่า ทางเครือข่ายฯ จะมีการหารือกลุ่มย่อยเพื่อนำแผนงานพัฒนาสตรีพะเยา ซึ่งเครือข่ายได้เคยมีการถอดบทเรียนและสรุปเป็นแผนงานไว้แล้ว ต้องนำมาพิจารณาจัดทำแผนให้พร้อมรองรับกับการมาของกองทุนพัฒนาสตรีดังกล่าว สามารถทำงานได้ทันทีที่รัฐบาลอนุมัติงบประมาณมาให้ได้ทุกเวลา” ประธานเครือข่ายแม่ญิงพะเยากล่าว