พิจิตร - ราคาพืชผักเริ่มปรับขึ้นยกแผง หลังเกิดน้ำท่วมใหญ่หลายจังหวัดในภาคเหนือ บรรดาแม่ค้าแกงถุงต่างโอดครวญสู้ราคาของไม่ไหว อยากเลิกขายแต่ก็ไม่รู้จะไปทำอาชีพอะไร เผยพริกขี้หนูเคยขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาทปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 150 บาท
วันนี้ (5 ส.ค.) นางประนอม โฉมแดง อายุ 62 ปี อาชีพแม่ค้า ซึ่งขายผักอยู่ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองพิจิตร กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ ทำให้ผักที่เคยรับมาจำหน่ายหายากขึ้นและมีราคาแพง อีกทั้งผักบางชนิดขาดตลาดไปแล้ว 2-3 วัน ถึงจะได้ของมาขายก็เน่าเสียง่าย แถมมีราคาแพงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
โดยเฉพาะพริกขี้หนูเคยขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาทปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 150 บาท พริกอ่อนจากกิโลกรัมละ 50 บาท ปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 100 บาท ผักชีกิโลกรัมละ 50 บาท ปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 70 บาท รวมทั้งผักชนิดอื่นๆเช่นผักกาดขาว คะน้า มะระ แตงกวา มะเขือ โดยปรับขึ้นราคาเฉลี่ยต่อกิโลกรัมละ 20-30 บาท แต่ก็ไม่เคยเจอที่พริกขี้หนูของจำเป็นสำหรับทุกครอบครัวที่ต้องมีติดครัวเอาไว้จะขึ้นราคาถึง 2 เท่าขนาดนี้
เช่นเดียวกับนางติ๋ม อายุ 51 ปี ซึ่งขายแกงถุงก็โอดครวญว่า เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่จะนำมาทำกับข้าวต่างมีราคาสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู หรือว่าพืชผักก็ตาม ทำให้ตอนนี้อาจจะต้องขอปรับราคาแกงถุงขึ้น จากเดิมที่เคยขายถุง 25-30 ก็อาจจะต้องปรับราคาขึ้นเป็น 30-35 บาท ทุกวันนี้ตนเองขายของ 3 วันหยุด 2 วัน ที่ต้องทำเช่นนี้เพราะว่าขายของหมดก็แทบจะไม่เหลือกำไรเนื่องจากต้นทุนสูง อยากจะเลิกขายแต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร แต่ก็มีแม่ค้าแกงถุงหลายคนที่เลิกขายไปแล้วเนื่องจากสู้กับสภาวะของแพงไม่ไหวดังกล่าว