น้ำเหนือทะลักพิษณุโลกแล้ว “น้ำน่าน” เพิ่ม-เรือนแพผวาพัง

พิษณุโลก - แม่น้ำน่านเพิ่มระดับ หลังประตูเขื่อนฯ พรหมพิรามเร่งระบายออก หวั่นน้ำเหนือจากอุตรดิตถ์ผสมโรง ทำให้แพชาวบ้านและร้านอาหารพัง

รายงานข่าวจากจังหวัดพิษณุโลก แจ้งว่า หลังพายุนกเตนทำให้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ทั้งภาคเหนือ-อีสานนั้น ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยล่าสุด วันนี้ (2 ส.ค.54) น้ำในแม่น้ำน่านเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เจ้าของแพต้องเร่งปรับเชือกที่ผูกเอาไว้ริมตลิ่ง

ขณะที่เรือนแพหลายหลัง ลูกบวบ (ฐานแพ) ซึ่งทำด้วยไม้ไผ่ของแพพ่วงร้านอาหารได้พังหลุดหายไปกับกระแสน้ำ เพราะประตูน้ำเขื่อนพรหมพิรามปล่อยน้ำลงใต้เขื่อนรวดเร็ว ผลให้แพร้านอาหารและแพชาวบ้านต้องเร่งซ่อมแซมและปรับเชือกตลอดทุกชั่วโมง

นายบรรดิษฐ์ อินต๊ะ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า สถานีตรวจวัดอุทกวิทยา TN.5A ต.ในเมืองพิษณุโลก (เชิงสุพรรณเอกาทศรถ) เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ แม่น้ำน่านมีความสูง 7.96 เมตร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 843 ลูกบาศก์เมตร ( ลบ.ม.)ต่อวินาที

ผลจากพายุนกเตนที่ทำให้ฝนตกทั้งเหนือและท้ายเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ จะทำให้มีน้ำจำนวนมหาศาล 2 ระลอก ไหลลงสู่แม่น้ำน่านผ่านจังหวัดพิษณุโลก ระลอกแรกมีปริมาณน้ำ 1,200 ลบ.ม.ต่อวินาที คาดว่าจะถึงตัวเมืองพิษณุโลกตั้งแต่เวลา 12.00 น.วันนี้ (2 ส.ค.) ระลอกที่สองปริมาณน้ำ 1,300 ลบ.ม.ต่อวินาที จะไหลถึงตัวเมืองพิษณุโลกในอีก 2 วันต่อไป ทำให้ชลประทาน ต้องเร่งระบายน้ำที่มีอยู่เดิมออกให้มากที่สุด ผ่านเขื่อนนเรศวร อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ทำให้แม่น้ำน่านเพิ่มระดับขึ้นรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้มีการปิดการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ และชะลอการปล่อยน้ำของเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก คาดว่า ในช่วง 4-5 วันนับจากนี้ ปริมาณน้ำในแม่น้ำน่านที่ไหลผ่านเขตเทศบาลนครพิษณุโลกจะอยู่ที่ 900-1,000 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งแม้จะยังไม่ถึงจุดวิกฤตน้ำล้นตลิ่ง แต่ก็คือว่าอยู่ในระดับสูง