กาญจนบุรี - หัวหน้าอุทยานไทรโยค กาญจนบุรี ชี้ ผลตรวจสอบเอกสารสิทธิ น.ส.3ก.ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค พบมีการออกทับพื้นที่อุทยานฯ ชัดเจน โดยออกให้ภายหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ว่าการอำเภอไทรโยค เมื่อปี 2534
ความคืบหน้าการตรวจสอบเอกสารสิทธิ น.ส.3ก.ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค จ.กาญจนบุรี เมื่อเวลา 14.30 น.วานนี้ (31 ก.ค.) นายชาณุ วงศ์สวัสดิวัฒนา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติอำเภอไทรโยค เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่อุทยานฯได้เข้าตรวจสอบที่ดินที่มีเอกสารหนังสือรับรองการทำประโยชน์ 8 ฉบับที่ออกทับซ้อนเขตอุทยานไทรโยค 2 ครั้ง ซึ่งทั้ง 2 ครั้งเจ้าหน้าที่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน 3 ครั้ง ตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 ก.ค.54 ปจว.ข้อ 5 ส่วนครั้งที่ 2 วันที่ 21 ก.ค.54 ปจว.ข้อ 4 และครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 28 ก.ค.54 ปจว.ข้อ 5 และคณะเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบมีความเห็นร่วมกันและแจ้งให้ นายสาธิต วิยาภรณ์ ผู้ครอบครองที่ดินทั้งหมดให้ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการต่อไปดังนี้ คือ
1.รายงานกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อขอผู้เชี่ยวชาญด้านแผนที่และภาพถ่ายทางอากาศมาดำเนินการตรวจพิสูจน์ อ่าน แปล และวิเคราะห์ผลเกี่ยวกับสภาพป่าและร่องรอยการทำประโยชน์ในที่ดินบริเวณดังกล่าว 2.รายงานกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเพื่อแจ้งกรมที่ดินขอให้ตรวจสอบความถูกต้องของหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) จำนวน 8 ฉบับและที่มาของเอกสารดังกล่าว 3.ให้อุทยานแห่งชาติไปแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐานว่า ได้ตรวจสอบเสาปูนเขตอุทยานแห่งชาติที่พบว่าปักฝังไว้ในบริเวณที่ตรวจสอบ 8 หลัก ไม่ใช่หลักเขตอุทยานแห่งชาติที่ทางราชการจัดทำขึ้น และบริเวณที่ปักฝังไม่ใช่แนวเขตอุทยานแห่งชาติตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาฯ แต่อย่างใด
นายชาณุ กล่าวต่อว่า โดยคณะเจ้าหน้าที่ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ครอบครองและอ้างเอกสารสิทธิดังกล่าวซื้อมาจากเจ้าของเดิมเมื่อวันที่ 25 มี.ค.2554 โดยเอกสารสิทธิที่แสดงเป็นฉบับที่จัดทำขึ้นใหม่เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2534 แทนฉบับเดิมที่อ้างว่าออกให้เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2534 แล้วถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหมดเนื่องจากอำเภอไทรโยคถูกเพลิงไหม้ในวันที่ 3 ก.พ.2534 อันเป็นการออกให้ภายหลังจากการประกาศอุทยานแห่งชาติไทรโยค ตามพระราชกฤษฎีกาฯ พ.ศ.2523
เมื่อได้มีการตรวจสอบเรื่องเดิมไม่ปรากฏมีการลงลายมือชื่อของป่าไม้อำเภอ หรือหัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามรับรองที่ดินที่ขอออกเอกสารสิทธิดังกล่าวว่าไม่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยคแต่อย่างใด มีเพียงปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอเพียง 2 นายที่ลงนามรับรองไว้ว่าที่ดินดังกล่าวไม่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ทั้งได้ตรวจสอบแนวเขตอุทยานแห่งชาติตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาฯ พ.ศ.2523 แล้ว บริเวณที่ตรวจสอบอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค และกระทั่งปัจจุบันไม่มีการร้องคัดค้านว่ามีการประกาศทับซ้อนที่ดินมีกรรมสิทธิ หรือสิทธิครอบครองของบุคคลใด และไม่พบว่ามีพระราชกฤษฎีกาขยายหรือเพิกถอนแนวเขตอุทยานแห่งชาติแต่อย่างใด ดังนั้น เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงจนยุติ ถูกต้องและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
ความคืบหน้าการตรวจสอบเอกสารสิทธิ น.ส.3ก.ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค จ.กาญจนบุรี เมื่อเวลา 14.30 น.วานนี้ (31 ก.ค.) นายชาณุ วงศ์สวัสดิวัฒนา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติอำเภอไทรโยค เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่อุทยานฯได้เข้าตรวจสอบที่ดินที่มีเอกสารหนังสือรับรองการทำประโยชน์ 8 ฉบับที่ออกทับซ้อนเขตอุทยานไทรโยค 2 ครั้ง ซึ่งทั้ง 2 ครั้งเจ้าหน้าที่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน 3 ครั้ง ตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 ก.ค.54 ปจว.ข้อ 5 ส่วนครั้งที่ 2 วันที่ 21 ก.ค.54 ปจว.ข้อ 4 และครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 28 ก.ค.54 ปจว.ข้อ 5 และคณะเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบมีความเห็นร่วมกันและแจ้งให้ นายสาธิต วิยาภรณ์ ผู้ครอบครองที่ดินทั้งหมดให้ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการต่อไปดังนี้ คือ
1.รายงานกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อขอผู้เชี่ยวชาญด้านแผนที่และภาพถ่ายทางอากาศมาดำเนินการตรวจพิสูจน์ อ่าน แปล และวิเคราะห์ผลเกี่ยวกับสภาพป่าและร่องรอยการทำประโยชน์ในที่ดินบริเวณดังกล่าว 2.รายงานกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเพื่อแจ้งกรมที่ดินขอให้ตรวจสอบความถูกต้องของหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) จำนวน 8 ฉบับและที่มาของเอกสารดังกล่าว 3.ให้อุทยานแห่งชาติไปแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐานว่า ได้ตรวจสอบเสาปูนเขตอุทยานแห่งชาติที่พบว่าปักฝังไว้ในบริเวณที่ตรวจสอบ 8 หลัก ไม่ใช่หลักเขตอุทยานแห่งชาติที่ทางราชการจัดทำขึ้น และบริเวณที่ปักฝังไม่ใช่แนวเขตอุทยานแห่งชาติตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาฯ แต่อย่างใด
นายชาณุ กล่าวต่อว่า โดยคณะเจ้าหน้าที่ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ครอบครองและอ้างเอกสารสิทธิดังกล่าวซื้อมาจากเจ้าของเดิมเมื่อวันที่ 25 มี.ค.2554 โดยเอกสารสิทธิที่แสดงเป็นฉบับที่จัดทำขึ้นใหม่เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2534 แทนฉบับเดิมที่อ้างว่าออกให้เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2534 แล้วถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหมดเนื่องจากอำเภอไทรโยคถูกเพลิงไหม้ในวันที่ 3 ก.พ.2534 อันเป็นการออกให้ภายหลังจากการประกาศอุทยานแห่งชาติไทรโยค ตามพระราชกฤษฎีกาฯ พ.ศ.2523
เมื่อได้มีการตรวจสอบเรื่องเดิมไม่ปรากฏมีการลงลายมือชื่อของป่าไม้อำเภอ หรือหัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามรับรองที่ดินที่ขอออกเอกสารสิทธิดังกล่าวว่าไม่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยคแต่อย่างใด มีเพียงปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอเพียง 2 นายที่ลงนามรับรองไว้ว่าที่ดินดังกล่าวไม่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ทั้งได้ตรวจสอบแนวเขตอุทยานแห่งชาติตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาฯ พ.ศ.2523 แล้ว บริเวณที่ตรวจสอบอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค และกระทั่งปัจจุบันไม่มีการร้องคัดค้านว่ามีการประกาศทับซ้อนที่ดินมีกรรมสิทธิ หรือสิทธิครอบครองของบุคคลใด และไม่พบว่ามีพระราชกฤษฎีกาขยายหรือเพิกถอนแนวเขตอุทยานแห่งชาติแต่อย่างใด ดังนั้น เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงจนยุติ ถูกต้องและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย