ศูนย์ข่าวศรีราชา- ตำรวจหนองขาม จับเครือข่ายยาไอซ์ เรือนจำกลาง จ.ระยอง ได้ผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมของกลางยาไอซ์ 1 กิโลกรัม เงินสดกว่าแสนบาท และทรัพย์สินอีกหลายรายการ
วันนี้ (30 ก.ค. 2554) พ.ต.อ.ธีรพล จินดาหลวง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผกก.สภ.หนองขาม ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาค้ายาไอซ์ คือ นายจิรายุทธ์ แก้วรุ่งเรือง อายุ 25 ปี ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พร้อมของกลางยาไอซ์ จำนวน 1 กิโลกรัม มูลค่าซื้อขายกว่า 3 ล้านบาท และยาบ้าจำนวน 244 เม็ด
นอกจากนั้นยังมีทรัพย์สินอีกหลายรายการที่สามารถยึดมาได้ ประกอบด้วย เงินสด จำนวน 102,000 บาท , สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท 1 เส้น ,แหวนทองคำหนัก 1 บาท 1 วง ,รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ยารีส สีฟ้า 1 คัน , รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น ซีบี 400 สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีเขียว-ดำ 1 คัน
พ.ต.อ.ธีรพล กล่าวว่า ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาระดับสูง และผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ทำการระดมกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติดในพื้นที่ โดยเน้นผู้ค้ารายใหญ่ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจหนองขาม สืบทราบว่า จะมียาเสพติดล๊อตใหญ่เข้ามาในพื้นที่ จึงเฝ้าดูพฤติกรรมและทราบว่านายจิรายุทธ์ เป็นผู้จำหน่ายยาบ้าและยาไอซ์รายใหญ่ และกำลังจะนำยาเสพติดไปส่งให้ลูกค้า จึงเข้าจับกุม พบยาไอซ์ จำนวน 1 กิโลกรัม และพร้อมขยายผลไปยังบ้านพัก พบยาบ้าอีกจำนวน 244 เม็ด จึงควบคุมตัวพร้อมยึดทรัพย์สินที่มีอยู่ เพื่อดำเนินการตรวจสอบและขยายผลต่อไป
และเมื่อวานนี้ (29 ก.ค.) ตำรวจหนองขาม สามารถจับผู้ต้องหาค้ายาไอซ์ ได้ 2 คน คือ นายวิชิต บานเย็น อายุ 25 ปี และนายอาทิตย์ ศรีณพ อายุ 24 ปี โดยสามารถตรวจยึดยาไอซ์ จำนวน 500 กรัม ซึ่ง 2 วันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองขาม สามารถจับกุมยาไอซ์ รวม ทั้งสิ้น 1.5 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าเป็นการจับกุมยาเสพติด ยาไอซ์ครั้งใหญ่ในพื้นที่ด้วย
ส่วนนายจิรายุทธ์ ผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่ายาไอซ์ จำนวนดังกล่าวเป็นของตน โดยรับยาบ้ามาจากเครือข่ายเรือนจำกลางจังหวัดระยอง โดยติดต่อกันทางโทรศัพท์ว่าจะให้ไปรับยาที่ไหนและไปส่งให้ใคร โดยตนจะได้ค่าจ้างครั้งละ 40,000 บาท ซึ่งทำมาแล้วหลายครั้ง จนมาถูกจับกุมได้
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อกล่าวหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย พร้อมควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป