จันทบุรี-จังหวัดจันทบุรี ร่วมกับ ศูนย์ไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล เขตทัพเรือภาคที่ 1 จัดการอบรมชาวประมงหลักสูตร การประมงกับความมั่นคงของชาติและไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล
วันนี้( 12 ก.ค. )ที่ศาลาประศาสน์สิทธิการนุสรณ์ วัดปากน้ำแหลมสิงห์ อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดจัดการอบรมชาวประมงหลักสูตร การประมงกับความมั่นคงของชาติและไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล โดยมีนาวาเอกอาทร เคลือบมาศ รองเสนาธิการทัพเรือภาค 1 นายณัฐศิลป์ ศรีพงษ์ นายอำเภอแหลมสิงห์ พร้อมด้วยไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล รุ่นที่ 288 ของศูนย์ไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล กองทัพเรือ หรือ รุ่นที่ 4 เข้าร่วมในพิธี
นาวาเอกอาทร กล่าวว่า การจัดฝึกอบรมชาวประมง หลักสูตรการประมงกับความมั่นคงของชาติและไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล รุ่นที่ 288 ของศูนย์ไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล กองทัพเรือและเป็นรุ่นที่ 4 ของศูนย์ไทยอาสาป้องกันชาติในทะเลเขต ทัพเรือภาคที่ 1 ในวันนี้ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ประเทศเรามีชายฝั่งทะเลรวมกันประมาณ 1,500 ไมล์ จำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันปกป้อง
ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2528 ได้มีพระบรมราชโองการฯ ให้ประกาศเขตเศรษฐกิจจำเพาะของราชอาณาจักรไทยออกไปถึง 200 ไมล์ทะเล เพื่อปกป้องสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย ในการแสวงประโยชน์ และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตในทะเล การปกป้องสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยทางทะเล ดังกล่าว ปกติเป็นภารกิจของกองทัพเรือ ที่ต้องรับผิดชอบอยู่ส่วนหนึ่ง
กองทัพเรือได้พิจารณาแล้วเห็นว่าบรรดาพี่น้องชาวประมง ซึ่งมีอาชีพผูกพันอยู่กับทะเล มีชีวิตความเป็นอยู่แบบชาวเรือ สามารถจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงของชาติทางทะเลได้ เช่นเดียวกับไทยอาสาป้องกันชาติ อันเป็นพลังมวลชนสำคัญในการสนับสนุนการรักษาความมั่นคงของชาติทางบกอยู่ขณะนี้
นาวาเอกอาทร กล่าวต่อไปว่า และเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พุทธศักราช 2528 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ กองทัพเรือ ดำเนินการอบรมชาวประมงขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายให้ชาวประมง และผู้มีอาชีพทำการประมงตามท้องถิ่นในพื้นที่ชายฝั่งทะเลต่างๆทั้ง 22 จังหวัดชายทะเลได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนมีความรู้ทางวิชาการที่ได้รับจากการอบรม ไปประกอบอาชีพให้เกิดผลดีต่อตนเอง ต่อเศรษฐกิจของชาติกับสามารถให้การสนับสนุนต่อทางราชการในการให้ข่าวสาร และร่วมมือในกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงของชาติต่อไป การจัดฝึกอบรมในครั้งนี้ใช้ระยะการฝึกอบรม จำนวน 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-15 กรกฎาคม 2554
วันนี้( 12 ก.ค. )ที่ศาลาประศาสน์สิทธิการนุสรณ์ วัดปากน้ำแหลมสิงห์ อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดจัดการอบรมชาวประมงหลักสูตร การประมงกับความมั่นคงของชาติและไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล โดยมีนาวาเอกอาทร เคลือบมาศ รองเสนาธิการทัพเรือภาค 1 นายณัฐศิลป์ ศรีพงษ์ นายอำเภอแหลมสิงห์ พร้อมด้วยไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล รุ่นที่ 288 ของศูนย์ไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล กองทัพเรือ หรือ รุ่นที่ 4 เข้าร่วมในพิธี
นาวาเอกอาทร กล่าวว่า การจัดฝึกอบรมชาวประมง หลักสูตรการประมงกับความมั่นคงของชาติและไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล รุ่นที่ 288 ของศูนย์ไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล กองทัพเรือและเป็นรุ่นที่ 4 ของศูนย์ไทยอาสาป้องกันชาติในทะเลเขต ทัพเรือภาคที่ 1 ในวันนี้ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ประเทศเรามีชายฝั่งทะเลรวมกันประมาณ 1,500 ไมล์ จำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันปกป้อง
ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2528 ได้มีพระบรมราชโองการฯ ให้ประกาศเขตเศรษฐกิจจำเพาะของราชอาณาจักรไทยออกไปถึง 200 ไมล์ทะเล เพื่อปกป้องสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย ในการแสวงประโยชน์ และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตในทะเล การปกป้องสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยทางทะเล ดังกล่าว ปกติเป็นภารกิจของกองทัพเรือ ที่ต้องรับผิดชอบอยู่ส่วนหนึ่ง
กองทัพเรือได้พิจารณาแล้วเห็นว่าบรรดาพี่น้องชาวประมง ซึ่งมีอาชีพผูกพันอยู่กับทะเล มีชีวิตความเป็นอยู่แบบชาวเรือ สามารถจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงของชาติทางทะเลได้ เช่นเดียวกับไทยอาสาป้องกันชาติ อันเป็นพลังมวลชนสำคัญในการสนับสนุนการรักษาความมั่นคงของชาติทางบกอยู่ขณะนี้
นาวาเอกอาทร กล่าวต่อไปว่า และเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พุทธศักราช 2528 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ กองทัพเรือ ดำเนินการอบรมชาวประมงขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายให้ชาวประมง และผู้มีอาชีพทำการประมงตามท้องถิ่นในพื้นที่ชายฝั่งทะเลต่างๆทั้ง 22 จังหวัดชายทะเลได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนมีความรู้ทางวิชาการที่ได้รับจากการอบรม ไปประกอบอาชีพให้เกิดผลดีต่อตนเอง ต่อเศรษฐกิจของชาติกับสามารถให้การสนับสนุนต่อทางราชการในการให้ข่าวสาร และร่วมมือในกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงของชาติต่อไป การจัดฝึกอบรมในครั้งนี้ใช้ระยะการฝึกอบรม จำนวน 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-15 กรกฎาคม 2554