หนองคาย- ชาวบึงกาฬ เข้าคูหาเลือกตั้ง นายก อบจ.บึงกาฬ พร้อม ส.อบจ.คนเสื้อแดง 3 คน ชิงกันเอง สุดท้าย “นิพนธ์ คนขยัน” อดีต ส.ส.ไทยรักไทย คว้าชัย สร้างประวัติศาสตร์เป็นนายก อบจ.บึงกาฬ คนแรก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันอาทิตย์ที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา องค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ และ กรรมการการเลือกตั้งจังหวัดบึงกาฬ ได้จัดให้มีเลือกตั้งนายก อบจ.บึงกาฬ และ เลือกตั้งสมาชิกสภา อบจ.บึงกาฬ เพิ่มเติม จำนวน 11 คน หลังจากที่แยกตัวออกจากจังหวัดหนองคาย ทำให้สมาชิก สภา อบจ.บึงกาฬ ที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดบึงกาฬ 13 คน มีฐานะเป็นสมาชิกสภา อบจ.บึงกาฬ และต้องเลือกตั้งสมาชิกเพิ่มเติม 11 คน ให้ครบองค์ประชุม รวม 24 คน โดยตำแหน่งนายก อบจ.บึงกาฬ มีผู้สมัครชิงชัยกัน 4 คน
ทั้ง 3 คน เป็นอดีต ส.ส.ในพื้นที่ คือ นายยุทธพงษ์ แสงศรี อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย สังกัดกลุ่มเพื่อไทย, นายเทวฤทธิ์ นิกรเทศ อดีต ส.ส.พรรคกิจสังคม สังกัดกลุ่มเพื่อบึงกาฬ, นายนิพนธ์ คนขยัน อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย (เดิม) สังกัดกลุ่มเพื่อไทบึงกาฬ และนายไพศาล รำเพยพล อดีตข้าราชการครู สังกัดกลุ่มพลังใหม่ไทยบึงกาฬ โดยได้รับการสนับสนุนจากพรรคภูมิใจไทย
เมื่อถึงเวลาปิดหีบบัตร ได้มีการนับคะแนนทั้ง นายก อบจ.และ ส.อบจ.บึงกาฬ ใช้เวลาจนถึงประมาณ 02.00 น.ของวันที่ 10 ก.ค.54 จึงแล้วเสร็จ
ผลการนับคะแนนนายก อบจ.บึงกาฬ อย่างไม่เป็นทางการ ทั้ง 8 อำเภอ คือ อ.ปากคาด อ.พระเจริญ อ.โซ่พิสัย อ.ศรีวิไล อ.บึงโขงหลง และ อ.บุ่งคล้า อ.เซกา และ อ.เมืองบึงกาฬ อันดับ 1 นายนิพนธ์ คนขยัน ผู้สมัครหมายเลข 4 ได้คะแนน 57,978 คะแนน, อันดับ 2 นายเทวฤทธิ์ นิกรเทศ เบอร์ 2 ได้ 48,597 คะแนน, อันดับ 3 นายยุทธพงษ์ แสงศรี ได้ 39,571 คะแนน ทำให้นายนิพนธ์ คนขยันได้รับเลือกตั้งให้เป็น นายก อบจ.บึงกาฬ เป็นคนแรก
ก่อนหน้านี้ นายนิพนธ์ คนขยัน ถูกกล่าวหาจากว่าที่ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยทั้งจังหวัดบึงกาฬและจังหวัดหนองคายว่าเป็น”แดงเทียม” และได้ขายตัวให้กับ นายพินิจ จารุสมบัติ หัวหน้ากลุ่มวังพญานาค
ส่วน นายยุทธพงษ์ แสงศรี อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย คือ “แดงแท้” เพราะได้ขึ้นเวทีคู่กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะไปหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.ที่บึงกาฬ ถึงขนาด นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่ม นปช.อุดรธานี ต้องขึ้นเวทีตระเวนหาเสียงช่วยนายนิพนธ์ และบอกกล่าวให้พี่น้องชาวสีแดงบึงกาฬ ได้รับรู้ว่า “แดงแท้” คือ นายนิพนธ์ คนขยัน ที่ไปดูแลพี่น้องเสื้อแดงประท้วงอยู่ที่สี่แยกราชประสงค์ จนนายขวัญชัยเองถูกล้อมกรอบจากกลุ่มแดงที่ไม่พอใจอยู่หลายเวที จึงทำให้คะแนนตีตื้นขึ้นมาได้ก่อนการลงคะแนนเลือกตั้งเพียงวันเดียวเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันอาทิตย์ที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา องค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ และ กรรมการการเลือกตั้งจังหวัดบึงกาฬ ได้จัดให้มีเลือกตั้งนายก อบจ.บึงกาฬ และ เลือกตั้งสมาชิกสภา อบจ.บึงกาฬ เพิ่มเติม จำนวน 11 คน หลังจากที่แยกตัวออกจากจังหวัดหนองคาย ทำให้สมาชิก สภา อบจ.บึงกาฬ ที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดบึงกาฬ 13 คน มีฐานะเป็นสมาชิกสภา อบจ.บึงกาฬ และต้องเลือกตั้งสมาชิกเพิ่มเติม 11 คน ให้ครบองค์ประชุม รวม 24 คน โดยตำแหน่งนายก อบจ.บึงกาฬ มีผู้สมัครชิงชัยกัน 4 คน
ทั้ง 3 คน เป็นอดีต ส.ส.ในพื้นที่ คือ นายยุทธพงษ์ แสงศรี อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย สังกัดกลุ่มเพื่อไทย, นายเทวฤทธิ์ นิกรเทศ อดีต ส.ส.พรรคกิจสังคม สังกัดกลุ่มเพื่อบึงกาฬ, นายนิพนธ์ คนขยัน อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย (เดิม) สังกัดกลุ่มเพื่อไทบึงกาฬ และนายไพศาล รำเพยพล อดีตข้าราชการครู สังกัดกลุ่มพลังใหม่ไทยบึงกาฬ โดยได้รับการสนับสนุนจากพรรคภูมิใจไทย
เมื่อถึงเวลาปิดหีบบัตร ได้มีการนับคะแนนทั้ง นายก อบจ.และ ส.อบจ.บึงกาฬ ใช้เวลาจนถึงประมาณ 02.00 น.ของวันที่ 10 ก.ค.54 จึงแล้วเสร็จ
ผลการนับคะแนนนายก อบจ.บึงกาฬ อย่างไม่เป็นทางการ ทั้ง 8 อำเภอ คือ อ.ปากคาด อ.พระเจริญ อ.โซ่พิสัย อ.ศรีวิไล อ.บึงโขงหลง และ อ.บุ่งคล้า อ.เซกา และ อ.เมืองบึงกาฬ อันดับ 1 นายนิพนธ์ คนขยัน ผู้สมัครหมายเลข 4 ได้คะแนน 57,978 คะแนน, อันดับ 2 นายเทวฤทธิ์ นิกรเทศ เบอร์ 2 ได้ 48,597 คะแนน, อันดับ 3 นายยุทธพงษ์ แสงศรี ได้ 39,571 คะแนน ทำให้นายนิพนธ์ คนขยันได้รับเลือกตั้งให้เป็น นายก อบจ.บึงกาฬ เป็นคนแรก
ก่อนหน้านี้ นายนิพนธ์ คนขยัน ถูกกล่าวหาจากว่าที่ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยทั้งจังหวัดบึงกาฬและจังหวัดหนองคายว่าเป็น”แดงเทียม” และได้ขายตัวให้กับ นายพินิจ จารุสมบัติ หัวหน้ากลุ่มวังพญานาค
ส่วน นายยุทธพงษ์ แสงศรี อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย คือ “แดงแท้” เพราะได้ขึ้นเวทีคู่กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะไปหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.ที่บึงกาฬ ถึงขนาด นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่ม นปช.อุดรธานี ต้องขึ้นเวทีตระเวนหาเสียงช่วยนายนิพนธ์ และบอกกล่าวให้พี่น้องชาวสีแดงบึงกาฬ ได้รับรู้ว่า “แดงแท้” คือ นายนิพนธ์ คนขยัน ที่ไปดูแลพี่น้องเสื้อแดงประท้วงอยู่ที่สี่แยกราชประสงค์ จนนายขวัญชัยเองถูกล้อมกรอบจากกลุ่มแดงที่ไม่พอใจอยู่หลายเวที จึงทำให้คะแนนตีตื้นขึ้นมาได้ก่อนการลงคะแนนเลือกตั้งเพียงวันเดียวเท่านั้น
