จันทบุรี-ผลการเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาเทศบาลเมืองท่าช้าง “เฉลิมพล ศักด์คำ” นั่งเก้าอี้นายก พร้อมนำลูกทีมพัฒนาท่าช้างเข้าครบทุกเขต
สำหรับการเลือกตั้ง นายกและสมาชิกสภาเทศบาลเมืองท่าช้าง เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา สรุปผลคะแนนรวมอย่างไม่เป็นทางการแล้ว โดยนายเฉลิมพล ศักดิ์คำ หัวหน้าทีมพัฒนาท่าช้าง หมายเลข 1 ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนชาวท่าช้าง ได้นั่งเก้าอี้นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองท่าช้าง คนใหม่ หลังได้คะแนนรวม 3,618 คะแนน ทิ้งห่างอันดับ 2 นายนริศ โรจนมณเทียร ผู้สมัครเบอร์ 2 แห่งทีม ทีมท่าช้างรักท่าช้าง ที่ได้คะแนนรวม 2,010 คะแนน และอันดับ 3 นายไพโรจน์ ลิมป์ธนวงศ์ ผู้สมัครอิสระเบอร์ 3 ได้คะแนน 116 คะแนน ซึ่งสายตาคอการเมืองท้องถิ่น ถือว่าเกินเป้าหมายที่มีการณ์คาดไว้ว่า ผู้สมัครอิสระ จะได้ไม่เกิน 100 คะแนน
ในส่วนของผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นเทศบาลเมืองท่าช้าง ทีมพัฒนาท่าช้าง ของว่าที่นายก เฉลิมพล ศักดิ์คำ ก็สามารถกวาดเก้าอี้เข้าสภา ร่วมบริหารงานเทศบาลได้แบบครบทั้ง 3 เขต หลังได้มีการติดประกาศผลการนับคะแนนรวม ผู้สมัคร นายก และสมาชิกสภาทั้งหมด ยังคงเก็บตัวพักผ่อนอยู่กับครอบครัว ทั้งนี้เพื่อรอการประกาศผลรับรองการเลือกตั้ง จากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จ.จันทบุรี
ขณะที่กรรมการการเลือกตั้ง สรุปยอดจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง นายกและสมาชิกสภาเทศบาลเมืองท่าช้างจำนวน 6,172 คน จากยอดผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 8,915 คน คิดเฉลี่ยร้อยละ 80 เปอร์เซ็นต์
สำหรับทีมพัฒนาท่าช้างของ นายเฉลิมพล ศักดิ์คำ ได้มีนโยบายแนวทางการบริหารงานเทศบาลไว้ 4 ด้าน ประกอบด้วย การเมือง และการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม และ การศึกษา กีฬา ประเพณี ด้านการเมือง การปกครอง เน้นการบริหารงานที่โปร่งใส ตามหลักธรรมาภิบาล ประชาชนมีส่วนร่วม ด้านเศรษฐกิจ ส่งเสริมกิจการ โอทอป การจัดอบรมด้านอาชีพ สร้างรายได้ในครัวเรือน ส่งเสริมเกษตรกร มีรายได้เสริม ปรับโครงสร้างพื้นฐาน เดินหน้าปรับปรุงพัฒนาระบบสาธารณูปโภค และภูมิทัศน์ในเขตเทศบาล ด้านสังคม จะเน้นส่งเสริมกิจกรรม ผู้สูงอายุ คนพิการ ตั้งศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ 24 ชั่วโมง พร้อมจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมอาชีพให้เป็นรูปธรรม
ด้านการศึกษา กีฬา และประเพณี จะเดินหน้าส่งเสริมพัฒนาโรงเรียน สถานศึกษาในพื้นที่ ให้มีความก้าวหน้าตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานจัดสวัสดิการโครงการอาหารกลางวันเด็ก พัฒนา ปรับปรุง สถานที่ออกกำลังกาย เล่นกีฬา ทั่วทุกชุมชน และส่งเสริมประเพณีท้องถิ่นตามเทศกาลต่างๆ ตลอดจนการสนับสนุน การท่องเที่ยวในท้องถิ่นให้เป็นไปอย่างแพร่หลาย
สำหรับการเลือกตั้ง นายกและสมาชิกสภาเทศบาลเมืองท่าช้าง เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา สรุปผลคะแนนรวมอย่างไม่เป็นทางการแล้ว โดยนายเฉลิมพล ศักดิ์คำ หัวหน้าทีมพัฒนาท่าช้าง หมายเลข 1 ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนชาวท่าช้าง ได้นั่งเก้าอี้นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองท่าช้าง คนใหม่ หลังได้คะแนนรวม 3,618 คะแนน ทิ้งห่างอันดับ 2 นายนริศ โรจนมณเทียร ผู้สมัครเบอร์ 2 แห่งทีม ทีมท่าช้างรักท่าช้าง ที่ได้คะแนนรวม 2,010 คะแนน และอันดับ 3 นายไพโรจน์ ลิมป์ธนวงศ์ ผู้สมัครอิสระเบอร์ 3 ได้คะแนน 116 คะแนน ซึ่งสายตาคอการเมืองท้องถิ่น ถือว่าเกินเป้าหมายที่มีการณ์คาดไว้ว่า ผู้สมัครอิสระ จะได้ไม่เกิน 100 คะแนน
ในส่วนของผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นเทศบาลเมืองท่าช้าง ทีมพัฒนาท่าช้าง ของว่าที่นายก เฉลิมพล ศักดิ์คำ ก็สามารถกวาดเก้าอี้เข้าสภา ร่วมบริหารงานเทศบาลได้แบบครบทั้ง 3 เขต หลังได้มีการติดประกาศผลการนับคะแนนรวม ผู้สมัคร นายก และสมาชิกสภาทั้งหมด ยังคงเก็บตัวพักผ่อนอยู่กับครอบครัว ทั้งนี้เพื่อรอการประกาศผลรับรองการเลือกตั้ง จากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จ.จันทบุรี
ขณะที่กรรมการการเลือกตั้ง สรุปยอดจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง นายกและสมาชิกสภาเทศบาลเมืองท่าช้างจำนวน 6,172 คน จากยอดผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 8,915 คน คิดเฉลี่ยร้อยละ 80 เปอร์เซ็นต์
สำหรับทีมพัฒนาท่าช้างของ นายเฉลิมพล ศักดิ์คำ ได้มีนโยบายแนวทางการบริหารงานเทศบาลไว้ 4 ด้าน ประกอบด้วย การเมือง และการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม และ การศึกษา กีฬา ประเพณี ด้านการเมือง การปกครอง เน้นการบริหารงานที่โปร่งใส ตามหลักธรรมาภิบาล ประชาชนมีส่วนร่วม ด้านเศรษฐกิจ ส่งเสริมกิจการ โอทอป การจัดอบรมด้านอาชีพ สร้างรายได้ในครัวเรือน ส่งเสริมเกษตรกร มีรายได้เสริม ปรับโครงสร้างพื้นฐาน เดินหน้าปรับปรุงพัฒนาระบบสาธารณูปโภค และภูมิทัศน์ในเขตเทศบาล ด้านสังคม จะเน้นส่งเสริมกิจกรรม ผู้สูงอายุ คนพิการ ตั้งศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ 24 ชั่วโมง พร้อมจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมอาชีพให้เป็นรูปธรรม
ด้านการศึกษา กีฬา และประเพณี จะเดินหน้าส่งเสริมพัฒนาโรงเรียน สถานศึกษาในพื้นที่ ให้มีความก้าวหน้าตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานจัดสวัสดิการโครงการอาหารกลางวันเด็ก พัฒนา ปรับปรุง สถานที่ออกกำลังกาย เล่นกีฬา ทั่วทุกชุมชน และส่งเสริมประเพณีท้องถิ่นตามเทศกาลต่างๆ ตลอดจนการสนับสนุน การท่องเที่ยวในท้องถิ่นให้เป็นไปอย่างแพร่หลาย