ชาวสวนยางบุรีรัมย์ชะลอขายหลังราคาดิ่งฮวบรับรัฐบาล “ปูแดง”

บุรีรัมย์ - ตลาดกลางยางพาราบุรีรัมย์เงียบเหงา หลังราคายางดิ่งฮวบจาก กก.ละกว่า 170 บาท เหลือเพียง กก.ละ 130 บาท จากก่อนหน้านี้ เกษตรกรนำยางมาขายเฉลี่ยวันละกว่า 50 ตัน ปัจจุบันมีเพียงวันละ 15 ตัน คาดชะลอขายราคายางปรับตัวสูงขึ้น ขณะตลาดกลางขยายวันรับซื้อยางเพิ่มเป็น 5 วัน เพื่อเพิ่มทางเลือกให้เกษตรกร

วันนี้ (6 ก.ค.) บรรยากาศที่ตลาดกลางยางพาราจังหวัดบุรีรัมย์เงียบเหงา มีเกษตรกรและผู้ประกอบการนำยางมาจำหน่ายที่ตลาดกลางลดลงกว่าครึ่ง หลังราคายางได้ปรับตัวลดลงเหลือเฉลี่ยเพียงกิโลกรัมละ 130 บาท จากช่วงเดือนตุลาคม 2553-เดือนกุมภาพันธ์ 2554 ที่ผ่านมา ราคายางพาราพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละกว่า 170 บาท ทำให้เกษตรกรสนใจนำยางออกมาจำหน่ายเฉลี่ยวันละกว่า 50 ตัน แต่ปัจจุบันลดลงเหลือเพียงวันละ 15 ตันเท่านั้น จากราคายางที่ดิ่งลงในช่วงนี้ทำให้เกษตรกร จึงชะลอการนำยางออกมาจำหน่าย เพื่อชะลอราคายางให้ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่านี้ จึงจะนำยางออกมาจำหน่าย

ขณะที่ทางตลาดกลางยางพารา ได้มีการขยายวันเปิดรับซื้อยางพาราเพิ่มเป็น 5 วัน จากวันจันทร์-วันศุกร์ ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการ ที่ต้องการความเป็นธรรมในการซื้อขายยาง จากที่ก่อนหน้านี้ช่วงเดือนตุลาคม ปี 2551-เดือนกุมภาพันธ์ 2553 ตลาดกลางดังกล่าวจะเปิดให้บริการรับซื้อยางเพียงสัปดาห์ละ 1 วันเท่านั้น และตั้งแต่วันที่ 8 - 24 กุมภาพันธ์ 2554 ได้ขยายเป็น 3 วัน คือ วันอังคาร พุธ และวันพฤหัสบดี

ด้าน น.ส.ประนอม สิมละคร นักวิชาการเกษตร และทำหน้าที่ดูแลตลาดกลางยางพารา จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า คาดว่า สาเหตุที่ช่วงนี้เกษตรกรนำยางพารามาจำหน่ายน้อยลง เนื่องมาจากช่วงนี้เป็นช่วงเปิดกรีด และเกษตรกรบางส่วนอาจยังไม่ได้ทำยางแผ่น จึงยังไม่นำมาจำหน่าย ประกอบกับช่วงนี้ราคายางได้ปรับลดลงอยู่ที่กิโลกรัมละ 130 บาท จากที่ก่อนหน้านี้ราคายางได้พุ่งสูงถึงกิโลกรัมละกว่า 170 บาท

อย่างไรก็ตาม หลังเลือกตั้งราคายางได้ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย จากสัปดาห์ที่ผ่านมาที่กิโลกรัมละกว่า 120 บาท เพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 130 บาท ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า หากราคาปรับตัวสูงขึ้นกว่านี้ เกษตรกรผู้ปลูกยางก็จะทยอยนำยางออกสู่ตลาด