ศูนย์ข่าวศรีราชา - เลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 สัตหีบ เดือด 3 ขั้วนักการเมืองท้องถิ่นส่งลูกทีมลงชิงตำแหน่งเก้าอี้ผู้ใหญ่บ้าน หวังสร้างฐานเสียงในอนาคต
วันนี้ (6 ก.ค.) นายชายชาญ เอี่ยมเจริญ นายอำเภอสัตหีบ ได้ประกาศให้มีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 แทนตำแหน่งที่ว่าง หลังจากคนเก่าได้หมดวาระลง โดยได้มอบหมายให้นางพิกุล โสภา ปลัดฝ่ายปกครอง อำเภอสัตหีบ เป็นประธานการรับสมัครและตรวจสอบคุณสมบัติ และการจับสลากเบอร์ผู้สมัครผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.สัตหีบ ณ ที่ว่าการอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีกองเชียร์ชาวบ้านนับร้อยคนต่างมาให้กำลังใจผู้สมัครผู้ใหญ่บ้านของตัวเอง
ก่อนเวลา 08.30 น.มีผู้สมัครผู้ใหญ่บ้าน 3 คน มาก่อนเวลาไม่สามารถตกลงเรื่องเบอร์กันได้ จึงต้องมีการจับสลาก ปรากฏว่านางวรรณเพ็ญ เอี่ยมสุข ซึ่งมีดีกรีเป็นพี่สะใภ้นายประสงค์ เอี่ยมสุข รองนายกเทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์และเป็นญาติกับ นางจันทร์เพ็ญ เอี่ยมสุข ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ต.สัตหีบ ผลการจับสลากได้เบอร์ 1 อย่างที่ตั้งใจ ส่วนนายชาญชัย บุพนิมิตร หรือกบ อดีตผู้สมัครผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ที่เตรียมตัวมาดีและถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในสนามแข่งขันผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ในครั้งนี้
เนื่องจากเป็นคนเก่าแก่ในชุมชนเขาเพชร-ยางงาม และหมู่ที่ 3 ซึ่งสมัยที่แล้วแพ้คู่แข่งไปเพียง 50 คะแนนเท่านั้น ซึ่งในปีนี้ได้ชูนโยบายชีวิตที่เหลือเพื่อหมู่ 3 บ้านของเรา คนของเราโดยมีนักการเมือง และผู้ใหญ่ในระดับท้องถิ่นในนามกลุ่มสัตหีบยุคใหม่เป็นฐานเสียงอยู่เบื้องหลัง ผลการจับสลากได้เบอร์ 2 และผู้สมัครคนสุดท้ายในวันนี้ได้แก่ นางสุนีย์ ปานเพ็ชร์ หรือผู้ใหญ่แป้น อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ที่เพิ่งพ้นวาระและจับฉลากได้เบอร์ 3 ที่หลายคนจับตาดูว่าจะรักษาเก้าอี้ผู้ใหญ่บ้านไว้ได้หรือไม่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในการดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 มีผลงานไม่น้อย อาทิ การจัดตั้งกลุ่มผ้าบาติก การจัดกิจกรรมอนุรักษ์ประเพณีท้องถิ่น และการร่วมกิจกรรมต่างๆ ในชุมชนอย่างต่อเนื่องว่าจะสามารถครองใจคนในชุมชนเลือกเข้ามาเป็นผู้ใหญ่บ้านอีกวาระหรือไม่
สำหรับการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านในหลายๆ ท้องที่ในอำเภอสัตหีบ มีการแข่งขันกันสูงมากเพราะผู้ใหญ่บ้านมีวาระการดำรงตำแหน่งจนอายุครบ 60 ปี ค่าตอบแทนสูงถึง 8,000 บาท/เดือน และที่สำคัญเป็นฐานเสียงให้กับพรรคการเมืองระดับท้องถิ่นจนถึงระดับประเทศ จึงทำให้มีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง บางแห่งมีการทุ่มเม็ดเงินซื้อเสียงกันสูงถึง 1,000 บาท เนื่องจากไม่มี กกต.หรือองค์กรอิสระเข้าไปตรวจสอบแต่อย่างใด บางพื้นที่จึงมีการทำผิดกฎหมายการเลือกผู้ใหญ่บ้านโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายแต่อย่างใด
วันนี้ (6 ก.ค.) นายชายชาญ เอี่ยมเจริญ นายอำเภอสัตหีบ ได้ประกาศให้มีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 แทนตำแหน่งที่ว่าง หลังจากคนเก่าได้หมดวาระลง โดยได้มอบหมายให้นางพิกุล โสภา ปลัดฝ่ายปกครอง อำเภอสัตหีบ เป็นประธานการรับสมัครและตรวจสอบคุณสมบัติ และการจับสลากเบอร์ผู้สมัครผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.สัตหีบ ณ ที่ว่าการอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีกองเชียร์ชาวบ้านนับร้อยคนต่างมาให้กำลังใจผู้สมัครผู้ใหญ่บ้านของตัวเอง
ก่อนเวลา 08.30 น.มีผู้สมัครผู้ใหญ่บ้าน 3 คน มาก่อนเวลาไม่สามารถตกลงเรื่องเบอร์กันได้ จึงต้องมีการจับสลาก ปรากฏว่านางวรรณเพ็ญ เอี่ยมสุข ซึ่งมีดีกรีเป็นพี่สะใภ้นายประสงค์ เอี่ยมสุข รองนายกเทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์และเป็นญาติกับ นางจันทร์เพ็ญ เอี่ยมสุข ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ต.สัตหีบ ผลการจับสลากได้เบอร์ 1 อย่างที่ตั้งใจ ส่วนนายชาญชัย บุพนิมิตร หรือกบ อดีตผู้สมัครผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ที่เตรียมตัวมาดีและถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในสนามแข่งขันผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ในครั้งนี้
เนื่องจากเป็นคนเก่าแก่ในชุมชนเขาเพชร-ยางงาม และหมู่ที่ 3 ซึ่งสมัยที่แล้วแพ้คู่แข่งไปเพียง 50 คะแนนเท่านั้น ซึ่งในปีนี้ได้ชูนโยบายชีวิตที่เหลือเพื่อหมู่ 3 บ้านของเรา คนของเราโดยมีนักการเมือง และผู้ใหญ่ในระดับท้องถิ่นในนามกลุ่มสัตหีบยุคใหม่เป็นฐานเสียงอยู่เบื้องหลัง ผลการจับสลากได้เบอร์ 2 และผู้สมัครคนสุดท้ายในวันนี้ได้แก่ นางสุนีย์ ปานเพ็ชร์ หรือผู้ใหญ่แป้น อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ที่เพิ่งพ้นวาระและจับฉลากได้เบอร์ 3 ที่หลายคนจับตาดูว่าจะรักษาเก้าอี้ผู้ใหญ่บ้านไว้ได้หรือไม่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในการดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 มีผลงานไม่น้อย อาทิ การจัดตั้งกลุ่มผ้าบาติก การจัดกิจกรรมอนุรักษ์ประเพณีท้องถิ่น และการร่วมกิจกรรมต่างๆ ในชุมชนอย่างต่อเนื่องว่าจะสามารถครองใจคนในชุมชนเลือกเข้ามาเป็นผู้ใหญ่บ้านอีกวาระหรือไม่
สำหรับการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านในหลายๆ ท้องที่ในอำเภอสัตหีบ มีการแข่งขันกันสูงมากเพราะผู้ใหญ่บ้านมีวาระการดำรงตำแหน่งจนอายุครบ 60 ปี ค่าตอบแทนสูงถึง 8,000 บาท/เดือน และที่สำคัญเป็นฐานเสียงให้กับพรรคการเมืองระดับท้องถิ่นจนถึงระดับประเทศ จึงทำให้มีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง บางแห่งมีการทุ่มเม็ดเงินซื้อเสียงกันสูงถึง 1,000 บาท เนื่องจากไม่มี กกต.หรือองค์กรอิสระเข้าไปตรวจสอบแต่อย่างใด บางพื้นที่จึงมีการทำผิดกฎหมายการเลือกผู้ใหญ่บ้านโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายแต่อย่างใด
