ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ชาวเชียงใหม่รอลุ้นผลเลือกตั้งหน้าหน่วยเลือกตั้งต่อเนื่อง หลังปิดหีบ ผลนับคะแนนเบื้องต้น พบ “เพื่อไทย” นำโด่งทิ้งห่างคู่แข่งหลายหน่วย ด้าน Exit Poll ม.พายัพ เผย “เพื่อไทย” ชนะ ส.ส.เขตยกจังหวัด ส่วนโหวตโนสูงแค่เขต 1-2 ทีมงานโพลแจงความคลาดเคลื่อนมีไม่มาก ชี้ หากผลมาตามโพล “ไกร-นรพล” ชวดเป็น ส.ส.แน่
บรรยากาศการนับคะแนนเสียงในหน่วยเลือกตั้งต่างๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ ภายหลังการเลือกตั้งวันนี้ (3 ก.ค.) เสร็จสิ้นลงในเวลา 15.00 น.ปรากฏว่า มีประชาชนให้ความสนใจติดตามการนับคะแนนตามหน่วยเลือกตั้งต่างๆ พอสมควร
ขณะที่บางหน่วยเลือกตั้งได้นับคะแนนเสร็จสิ้นลงแล้ว และเริ่มทยอยส่งคะแนนเข้าสู่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่
จากการนับคะแนนตามหน่วยเลือกตั้งต่างๆ พบว่า พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคการเมืองอื่นๆ ค่อนข้างมาก ทั้งในระบบัญชีรายชื่อและระบบแบ่งเขต ส่วนการออกเสียงไม่ประสงค์จะลงคะแนนให้พรรคการเมืองใด หรือโหวตโน นั้น มีอยู่บ้าง แต่ถือเป็นสัดส่วนที่ไม่มากนัก
ขณะที่ผลการทำโพลสำรวจผลการเลือกตั้ง หรือ Exit Poll ของมหาวิทยาลัยพายัพ ภายใต้ความร่วมมือกับสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ระบุว่า ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยได้รับการเลือกตั้งในระบบแบ่งเขตครบทั้ง 10 เขตของจังหวัดเชียงใหม่ โดยสามารถแบ่งคะแนนออกเป็นรายเขต คือ เขตเลือกตั้งที่ 1 อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนเสียงร้อยละ 63.21 อันดับ 2 พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนเสียงร้อยละ 24.52
เขตเลือกตั้งที่ 2 อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนเสียงร้อยละ 66.06 อันดับ 2 พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนเสียงร้อยละ 20.63, เขตเลือกตั้งที่ 3 อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนเสียงร้อยละ 74.58 อันดับ 2 พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนเสียงร้อยละ 16.82, เขตเลือกตั้งที่ 4 อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนเสียงร้อยละ 49.88 อันดับ 2 พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนเสียงร้อยละ 40.96, เขตเลือกตั้งที่ 5 อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนเสียงร้อยละ 51.47 อันดับ 2 พรรคชาติไทยพัฒนา ได้คะแนนเสียงร้อยละ 34.37
เขตเลือกตั้งที่ 6 อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนเสียงร้อยละ 62.28 อันดับ 2 พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนเสียงร้อยละ 29.02, เขตเลือกตั้งที่ 7 อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนเสียงร้อยละ 57.44 อันดับ 2 พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนเสียงร้อยละ 31.23, เขตเลือกตั้งที่ 8 อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนเสียงร้อยละ 78.23 อันดับ 2 พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนเสียงร้อยละ 17.05
เขตเลือกตั้งที่ 9 อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนเสียงร้อยละ 60.78 อันดับ 2 พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ได้คะแนนเสียงร้อยละ 26.18 และเขตเลือกตั้งที่ 10 อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนเสียงร้อยละ 66.61 อันดับ 2 พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนเสียงร้อยละ 24.73
ส่วนผลคะแนนของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่ออกเสียงไม่ประสงค์จะลงคะแนนในจังหวัดเชียงใหม่ จากการทำ Exit Poll ระบุว่า แม้คะแนนเสียงโหวตโนจะมาเป็นลำดับ 3 เป็นส่วนใหญ่ในผลคะแนนที่ออกมาในทุกเขตเลือกตั้ง แต่มีเพียงพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 1 และเขตเลือกตั้งที่ 2 เท่านั้น ที่มีคะแนนสูง คือ มีคะแนนอยู่ที่ร้อยละ 10.68 และ 11.71 ตามลำดับ ส่วนเขตอื่นๆ ที่เหลือนั้นผลคะแนนโหวตโนมีไม่ถึงร้อยละ 10
ดร.รักษ์ พรหมปาลิต รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและวิทยบริการ มหาวิทยาลัยพายัพ กล่าวว่า ผลการทำ Exit Poll ดังกล่าวน่าจะมีความคลาดเคลื่อนไม่เกินร้อยละ 3 และเป็นที่น่าสังเกตว่า จากผลการเลือกตั้งอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางคนจะไม่ได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้แก่ นพ.ไกร ดาบธรรมในเขตเลือกตั้งที่ 5 และนายนรพล ตันติมนตรีในเขตเลือกตั้งที่ 10
ส่วนกรณีที่อาสาสมัครทำโพลสำรวจผลการเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งที่ 3 โรงเรียนวัดป่าตัน เขตเลือกตั้งที่ 1 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญไปให้ถ้อยคำ ภายหลังจากมีการร้องเรียนว่าอาสาสมัครและบุคคลที่ไม่ใช่อาสาสมัคร มีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าอาจมีการซื้อเสียงนั้น ดร.รักษ์กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งเรื่องดังกล่าวได้สั่งให้ระงับการทำโพลในหน่วยเลือกตั้งดังกล่าวทันที ทั้งนี้เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย
หลังจากระงับการทำโพลแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวอาสาสมัครไปให้ถ้อยคำที่สถานีตำรวจ ซึ่งคณะทำงานได้แจ้งวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่า ขอให้กดำเนินการไปตามกฎหมาย นอกจากนี้ได้มีการชี้แจงทางโทรศัพท์ต่อผู้สมัครจากพรรคการเมืองบางพรรคเป็นที่เรียบร้อย รวมทั้งจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขอเรียนชี้แจงว่าในการทำ Exit Poll ในครั้งนี้ ได้มีการอบรมให้อาสาสมัครทุกคนได้ทราบข้อควรปฏิบัติต่างๆ แล้ว อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์จริงอาจมีความบกพร่องเกิดขึ้นได้ ทั้งจากเจตนาที่ดีและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อย่างเช่นเข้าไปอยู่ใกล้บริเวณหน่วยเลือกตั้งมากกว่า 20 เมตร หรือการที่หน่วยเลือกตั้งได้จัดที่นั่งหรือบริเวณสำหรับทำโพลให้ เป็นต้น ซึ่งหากคณะทำงานพบว่า ในหน่วยใดมีปัญหาในการทำงานหรือไม่เป็นที่พอใจของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ก็จะสั่งให้ยุติการทำโพลทันที
ส่วนการได้ตัวอย่างแบบสอบถามไม่ครบถ้วนในพื้นที่นั้นๆ จะถูกนำไปคิดคำนวณในส่วนของค่าความคลาดเคลื่อนของโพลด้วย ส่วนข้อบกพร่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น จะมีการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำไปปรับปรุงในการทำงานครั้งต่อไป
