นครปฐม - ตำรวจภาค 7 เดินหน้าเอาจริงบุกทลายยาเสพติดเน้นเป้าหมายคนร้ายอาศัยโดยสารรถไฟเพื่อขนส่งยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายผ่านลงภาคกลางสู่ภาคใต้
วันนี้ (30 มิ.ย.) เวลา 14.45 น. พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผบช.ภ.7 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7 สนธิกำลังพร้อม พ.ต.อ.กฤษณ์ โบสุวรรณ รองผบก.รฟ. นายเพิ่ม เชาวลิต รองเลาธิการสำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดนายอนันต์ ห่อทองคำ ผอ.ส่วนประมวลและวิเคราะห์ข้อมูลเฝ้าระวังฯ โดยใช้กำลังกว่า 325 นาย ในการปฏิบัติการจู่โจมดังกล่าว
พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า ในการปฎิบัติดังกล่าว ตำรวจภูธรภาค 7 ได้กำหนดเป้าหมายเป็นขบวนรถไฟสายใต้ 171 (กรุงเทพสุไหงโกลก) ซึ่งได้ออกจากสถานีหัวลำโพงและมาถึงสถานีรถไฟนครปฐม เวลา 14.45 น.
โดยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นเป้าหมายที่โดยสารขึ้นมากับขบวนรถไฟสายดังกล่าว โดยตลอดระยะทางจากจังหวัดนครปฐมถึงจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งจะเน้นการตรวจค้นบุคคลต้องสงสัย ยาเสพติด อาวุธปืน อาวุธปืน วัตถุระเบิด วัตถุออกฤทธิต่อจิตและประสาทและสิ่งของผิดกฎหมาย และยังเป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อป้องปราบพื้นที่ติดต่อกับ บช.น.
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เปิดเผยต่อว่า ในการปฎิบัติการราว 1 ชั่วโมงเศษนี้ จะใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงเศษโดยเป้าหมายจะไม่สามารถหลบหนีได้เนื่องจากทุกจุดของตู้โดยสารจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยควบคุมอยู่ตลอดเมื่อถึงปลายทางที่จังหวัดเพชรบุรีหากสามารถจับกุมเป้าหมายได้จะส่งตัวดำเนินคดีที่ จังหวัดเพชรบุรี ก่อนจะนำตัวกลับมาที่ ตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อสรุปผลการทำงานในช่วงหัวค่ำทันที ส่วนผลสรุปจะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป
วันนี้ (30 มิ.ย.) เวลา 14.45 น. พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผบช.ภ.7 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7 สนธิกำลังพร้อม พ.ต.อ.กฤษณ์ โบสุวรรณ รองผบก.รฟ. นายเพิ่ม เชาวลิต รองเลาธิการสำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดนายอนันต์ ห่อทองคำ ผอ.ส่วนประมวลและวิเคราะห์ข้อมูลเฝ้าระวังฯ โดยใช้กำลังกว่า 325 นาย ในการปฏิบัติการจู่โจมดังกล่าว
พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า ในการปฎิบัติดังกล่าว ตำรวจภูธรภาค 7 ได้กำหนดเป้าหมายเป็นขบวนรถไฟสายใต้ 171 (กรุงเทพสุไหงโกลก) ซึ่งได้ออกจากสถานีหัวลำโพงและมาถึงสถานีรถไฟนครปฐม เวลา 14.45 น.
โดยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นเป้าหมายที่โดยสารขึ้นมากับขบวนรถไฟสายดังกล่าว โดยตลอดระยะทางจากจังหวัดนครปฐมถึงจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งจะเน้นการตรวจค้นบุคคลต้องสงสัย ยาเสพติด อาวุธปืน อาวุธปืน วัตถุระเบิด วัตถุออกฤทธิต่อจิตและประสาทและสิ่งของผิดกฎหมาย และยังเป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อป้องปราบพื้นที่ติดต่อกับ บช.น.
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เปิดเผยต่อว่า ในการปฎิบัติการราว 1 ชั่วโมงเศษนี้ จะใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงเศษโดยเป้าหมายจะไม่สามารถหลบหนีได้เนื่องจากทุกจุดของตู้โดยสารจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยควบคุมอยู่ตลอดเมื่อถึงปลายทางที่จังหวัดเพชรบุรีหากสามารถจับกุมเป้าหมายได้จะส่งตัวดำเนินคดีที่ จังหวัดเพชรบุรี ก่อนจะนำตัวกลับมาที่ ตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อสรุปผลการทำงานในช่วงหัวค่ำทันที ส่วนผลสรุปจะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป