น่าน - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว -มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) มอบของพระราชทานช่วยเหลือเหยื่อน้ำท่วมเมืองน่าน หลังเจอน้ำท่วมหนัก
รายงานข่าวจากจังหวัดน่านแจ้งว่า หลังจากน้ำป่าได้ทะลักเข้าท่วมพื้นที่จังหวัดน่าน จนต้องประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติอุทกภัยทั้ง 15 อำเภอนั้น รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ได้เป็นผู้แทนพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ในการมอบถุงยังชีพพระราชทานแก่ผู้ประสบภัยนำท่วม 500 ถุง ให้แก่ราษฎรในพื้นที่ อ.เมืองน่าน ณ ที่ว่าการอำเภอเมือง
โดยอำเภอเมืองน่านได้รับผลกระทบจากอุทกภัย (ไหหม่า) ทำให้น้ำป่าไหลหลาก เกิดสภาวะน้ำท่วมในทั่วพื้นที่ อ.เมืองน่าน ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2554 ตั้งแต่เวลา 06.00 น.เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน สถานการณ์น้ำท่วมก็ยังมีอยู่ในหลายพื้นที่มีพื้นที่ได้รับผลกระทบแล้วจำนวน 11 ตำบล ได้แก่ ต.บ่อ, ต.ผาสิงห์, ต.ไชยสถาน, ต.ถืมตอง, ต.สะเนียน, ต.เรือง, ต.กองควาย, ต.ดู่ใต้, ต.ในเวียง, ต.บ่อสวก, ต.นาซาว
เหตุการณ์น้ำท่วมนี้ทำให้ประชาชนได้รับความเสียหายและเดือดร้อนจำนวน 9,155 คนกว่า 1,950 หลังคาเรือน พื้นที่ทางการเกษตรเสียหายประมาณ 5,433 ไร่ บ่อปลาจำนวน 93 บ่อ รวมถึงสิ่งสาธารณประโยชน์และสถานที่สำคัญต่างๆ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสำรวจการเสียหาย และจากความช่วยเหลือที่หน่วยงานต่างๆ มีเข้ามานั้น จนถึงขณะนี้ยังมีหมู่บ้านที่ต้องการความช่วยเหลือต้องการเครื่องอุปโภคบริโภคที่สุด 3 ตำบลได้แก่ ตำบลกองควาย ตำบลบ่อ และตำบลดู่ใต้
ขณะเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานถุงยังชีพแก่นายดิสธร วัชโรทัย ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมป์ นำมามอบให้ราษฏรในพื้นที่ อ.ท่าวังผา จำนวน 500 ถุง
โดยพื้นที่ท่าวังผา ซึ่งมี 10 ตำบล 91 หมู่บ้าน เทศบาลตำบล 1 แห่ง องค์การบริหารส่วนตำบล 9 แห่ง และมีประชากรทั้งหมด 50,859 คน ถูกน้ำป่าไหลหลากและแม่น้ำสายหลัก เช่นแม่น้ำน่าน น้ำยาง น้ำยาว และน้ำริม ทะลักท่วมในพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน 2554 ตั้งแต่เวลา 06.00 น.เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน สถานการณ์น้ำท่วมก็ยังมีอยู่ในหลายพื้นที่ มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 10 ตำบล 91 หมู่บ้าน มีระดับที่ได้รับผลกระทบมาก 20 หมู่บ้าน ได้รับผลกระทบปานกลาง 11 หมู่บ้าน และผลกระทบไม่มาก 60 หมู่บ้าน
จากเหตุการณ์น้ำท่วมนี้ทำให้ประชาชนได้รับความเสียหายและเดือดร้อน 14,920 คน 3,730 หลังคาเรือน พื้นที่ทางการเกษตรเสียหายประมาณ 8,000 ไร่ รวมถึงสิ่งสาธารณประโยชน์และสถานที่สำคัญต่างๆ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสำรวจความเสียหาย
