สระแก้ว - ตัวเลขการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอรัญประเทศ สระแก้ว ช่วง 5 เดือนแรกทะลุ 2 หมื่นล้านบาท โดยสินค้าอุปโภค-บริโภค ยังเป็นตัวเอกสร้างเม็ดเงินเข้าไทย ขณะที่แนวโน้มการเติบโตทางการค้าตลอดปี 54 คาด จะสูงกว่าปีก่อนที่มีจำนวน 3 หมื่นล้านบาท ถึง 30% ชี้ สัมพันธภาพระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นและประชาชนไทย-กัมพูชา ฝั่งชายแดนด้านตะวันออกของไทยยังแน่นแฟ้นจนไม่มีผลกระทบใดที่จะทำให้การค้าชะลอตัว นอกจากนโยบายทางการเมืองในกัมพูชา ส่วนโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดสระแก้ว พับตามสถานการณ์ของทั้ง 2 ประเทศ
นายสุภาพ บุญเรือง ผู้อำนวยการ สำนักงานการค้าต่างประเทศ เขต 4 (จังหวัดสระแก้ว) เผยถึงตัวเลขการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ผ่านจุดผ่านแดนถาวรอรัญประเทศ-ปอยเปต ว่า ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-พฤษภาคม) มีมูลค่าการค้าถึง 2 หมื่นล้านบาท โดยสินค้าที่มีการส่งออกมากที่สุดตามความต้องการของชาวกัมพูชาก็คือ สินค้าอุปโภค-บริโภค ซึ่งชาวกัมพูชายังคงเชื่อมั่นใจคุณภาพและราคามากกว่าสินค้าจากประเทศจีน และเวียดนามที่กำลังเข้ามาตีตลาด และแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาดสินค้าอุปโภค-บริโภคไปจากประเทศไทย อย่างไรก็ตาม มีความเชื่อมั่นว่า ตลอดทั้งปี 2554 มูลค่าการค้าชายแดนด้านจังหวัดสระแก้วจะเติบโตกว่าปีก่อนที่มีจำนวน 3 หมื่นล้านบาท ไม่น้อยกว่า 30%
“แม้แนวโน้มการเติบโตทางการค้าในปีนี้จะมีไม่น้อยกว่า 30% แต่หากพิจารณาปัจจัยทางการเมืองและนโยบายต่างๆ ในกัมพูชาแล้ว จะเห็นว่า การเติบโตทางการค้าด้านจังหวัดสระแก้ว เป็นไปแบบชะลอตัว เพราะส่วนหนึ่งก็คือกัมพูชาหันไปให้การสนับสนุนสินค้าจากจีนและเวียดนามมากกว่า ซึ่งก็คงเป็นเพราะปัญหาทางการเมืองระหว่งาประเทศ แต่ในระดับหน่วยงานท้องถิ่น รวมถึงผู้ว่าฯของทั้ง 2 จังหวัดแนวชายแดนและประชาชนแล้ว ยังมีสัมพันธที่เหนียวแน่น และมีการไปมาหาสู่ระหว่างกันตลอดเวลา จึงทำให้ปัญหาการค้าในขณะนี้ไม่มีผลกระทบมากนัก แต่หากในระยะยาวปัญหาทางการเมือง 2 ประเทศยังไม่สิ้นสุด การค้าแทบนี้ก็อาจได้รับผลกระทบเช่นกัน”
นายสุภาพ ยังเผยอีกว่า ถึงแม้ที่ผ่านมาปัญหาการสู้รบตามแนวชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ และศรีสะเกษ จะมีขึ้น แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการค้า เพราะมูลค่าการค้าชายแดนทั้ง 2 จังหวัด คิดเป็นตัวเลขรวมไม่ถึงร้อยละ 5 ของมูลค่าการค้าชายแดนรวมทั้งประเทศ และเมื่อเกิดสงครามด้านชายแดนทั้ง 2 จังหวัด แต่คู่ค้าชาวกัมพูชา ก็ใช่ว่าจะยกเลิกการซื้อสินค้าจากไทย แต่หันมาซื้อสินค้าผ่านด้านชายแดนด่านจังหวัดสระแก้ว และจันทบุรีแทน
โครงการเขต ศก.พิเศษ ชะลอตามสัมพันธ์ระหว่าง ปท.
ส่วนการผลักดันโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดสระแก้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีแนวคิดที่จะจัดทำโครงการเชื่อมไทย-เชื่อมโลก และเชื่อมโยงการค้าจากจังหวัดในภูมิภาคตะวันออกของไทยไปยังประเทศอินโดจีน เพื่อขยายการลงทุน โดยเห็นว่าจังหวัดสระแก้ว เป็นศูนย์กลางการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งในแต่ละปีมีมูลค่าการค้ามหาศาล และยังมีโครงการเชิญนักลงทุนต่างชาติเข้ามาขยายการลงทุนในประเทศไทย พร้อมการจัดทำโซนเศรษฐกิจพิเศษ รวมถึงการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ และจัดบริการนำเข้าและส่งออก ซึ่งจะต้องเกี่ยวพันกับการพิจารณากฎหมายในหลายระดับเพื่อรองรับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของ B.O.I นั้น
ขณะนี้โครงการดังกล่าวได้ชะลอการผลักดันไป สาเหตุสำคัญมาจากปัญหาความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้รัฐบาลไทยต้องพับแผนดังกล่าวไว้ก่อน แม้ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะลงพื้นที่ เพราะที่ดินเหมาะสมและมีแนวคิดที่จะใช้พื้นที่ราชพัสดุหรือที่สาธารณประโยชน์ เพื่อไม่ต้องเวนคืนที่ดิน ประหยัดต้นทุนดำเนินการแล้วก็ตาม
“ตอนนี้เขตเศรษฐกิจพิเศษได้ชะลอไปแล้วตามนโยบายทางการเมือง ซึ่งในความเป็นจริงเขตเศรษฐกิจพิเศษมีความจำเป็นสำหรับจังหวัดสระแก้ว เพราะปัจจุบันกฎ ระเบียบในบางเรื่องมีผลต่อการนำเข้าและส่งออก ซึ่งหากมีกฎหมายพิเศษก็จะสามารถอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับนโยบายทางการเมืองของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งหากไทย-กัมพูชา มีมิตรไมตรีต่อกันโครงการนี้ก็จะถูกผลักดันให้เกิดขึ้นจริงได้ และหากมองในแง่ผลประโยชน์แล้วสิ่งที่ไทยจะได้ย่อมคุ้มค่าอย่างแน่นอน” นายสุภาพ กล่าว
นายสุภาพ บุญเรือง ผู้อำนวยการ สำนักงานการค้าต่างประเทศ เขต 4 (จังหวัดสระแก้ว) เผยถึงตัวเลขการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ผ่านจุดผ่านแดนถาวรอรัญประเทศ-ปอยเปต ว่า ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-พฤษภาคม) มีมูลค่าการค้าถึง 2 หมื่นล้านบาท โดยสินค้าที่มีการส่งออกมากที่สุดตามความต้องการของชาวกัมพูชาก็คือ สินค้าอุปโภค-บริโภค ซึ่งชาวกัมพูชายังคงเชื่อมั่นใจคุณภาพและราคามากกว่าสินค้าจากประเทศจีน และเวียดนามที่กำลังเข้ามาตีตลาด และแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาดสินค้าอุปโภค-บริโภคไปจากประเทศไทย อย่างไรก็ตาม มีความเชื่อมั่นว่า ตลอดทั้งปี 2554 มูลค่าการค้าชายแดนด้านจังหวัดสระแก้วจะเติบโตกว่าปีก่อนที่มีจำนวน 3 หมื่นล้านบาท ไม่น้อยกว่า 30%
“แม้แนวโน้มการเติบโตทางการค้าในปีนี้จะมีไม่น้อยกว่า 30% แต่หากพิจารณาปัจจัยทางการเมืองและนโยบายต่างๆ ในกัมพูชาแล้ว จะเห็นว่า การเติบโตทางการค้าด้านจังหวัดสระแก้ว เป็นไปแบบชะลอตัว เพราะส่วนหนึ่งก็คือกัมพูชาหันไปให้การสนับสนุนสินค้าจากจีนและเวียดนามมากกว่า ซึ่งก็คงเป็นเพราะปัญหาทางการเมืองระหว่งาประเทศ แต่ในระดับหน่วยงานท้องถิ่น รวมถึงผู้ว่าฯของทั้ง 2 จังหวัดแนวชายแดนและประชาชนแล้ว ยังมีสัมพันธที่เหนียวแน่น และมีการไปมาหาสู่ระหว่างกันตลอดเวลา จึงทำให้ปัญหาการค้าในขณะนี้ไม่มีผลกระทบมากนัก แต่หากในระยะยาวปัญหาทางการเมือง 2 ประเทศยังไม่สิ้นสุด การค้าแทบนี้ก็อาจได้รับผลกระทบเช่นกัน”
นายสุภาพ ยังเผยอีกว่า ถึงแม้ที่ผ่านมาปัญหาการสู้รบตามแนวชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ และศรีสะเกษ จะมีขึ้น แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการค้า เพราะมูลค่าการค้าชายแดนทั้ง 2 จังหวัด คิดเป็นตัวเลขรวมไม่ถึงร้อยละ 5 ของมูลค่าการค้าชายแดนรวมทั้งประเทศ และเมื่อเกิดสงครามด้านชายแดนทั้ง 2 จังหวัด แต่คู่ค้าชาวกัมพูชา ก็ใช่ว่าจะยกเลิกการซื้อสินค้าจากไทย แต่หันมาซื้อสินค้าผ่านด้านชายแดนด่านจังหวัดสระแก้ว และจันทบุรีแทน
โครงการเขต ศก.พิเศษ ชะลอตามสัมพันธ์ระหว่าง ปท.
ส่วนการผลักดันโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดสระแก้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีแนวคิดที่จะจัดทำโครงการเชื่อมไทย-เชื่อมโลก และเชื่อมโยงการค้าจากจังหวัดในภูมิภาคตะวันออกของไทยไปยังประเทศอินโดจีน เพื่อขยายการลงทุน โดยเห็นว่าจังหวัดสระแก้ว เป็นศูนย์กลางการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งในแต่ละปีมีมูลค่าการค้ามหาศาล และยังมีโครงการเชิญนักลงทุนต่างชาติเข้ามาขยายการลงทุนในประเทศไทย พร้อมการจัดทำโซนเศรษฐกิจพิเศษ รวมถึงการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ และจัดบริการนำเข้าและส่งออก ซึ่งจะต้องเกี่ยวพันกับการพิจารณากฎหมายในหลายระดับเพื่อรองรับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของ B.O.I นั้น
ขณะนี้โครงการดังกล่าวได้ชะลอการผลักดันไป สาเหตุสำคัญมาจากปัญหาความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้รัฐบาลไทยต้องพับแผนดังกล่าวไว้ก่อน แม้ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะลงพื้นที่ เพราะที่ดินเหมาะสมและมีแนวคิดที่จะใช้พื้นที่ราชพัสดุหรือที่สาธารณประโยชน์ เพื่อไม่ต้องเวนคืนที่ดิน ประหยัดต้นทุนดำเนินการแล้วก็ตาม
“ตอนนี้เขตเศรษฐกิจพิเศษได้ชะลอไปแล้วตามนโยบายทางการเมือง ซึ่งในความเป็นจริงเขตเศรษฐกิจพิเศษมีความจำเป็นสำหรับจังหวัดสระแก้ว เพราะปัจจุบันกฎ ระเบียบในบางเรื่องมีผลต่อการนำเข้าและส่งออก ซึ่งหากมีกฎหมายพิเศษก็จะสามารถอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับนโยบายทางการเมืองของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งหากไทย-กัมพูชา มีมิตรไมตรีต่อกันโครงการนี้ก็จะถูกผลักดันให้เกิดขึ้นจริงได้ และหากมองในแง่ผลประโยชน์แล้วสิ่งที่ไทยจะได้ย่อมคุ้มค่าอย่างแน่นอน” นายสุภาพ กล่าว