เชียงราย - ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย เขต 1 เชียงราย ส่งทนายแจ้งความดำเนินคดีแกนนำเสื้อแดง หลังเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ตะโกนกล่าวหา “มีญาติติดคุกเพราะเรื่องยาเสพติด” ระหว่างร่วมเวทีปราศรัยกลางของ กกต.
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงราย แจ้งว่า นายวันชัย จงสุทธานามณี ผู้ลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เชียงราย เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ได้มอบอำนาจให้ นายจุมพล แกล้วกล้า ทนายความประจำตัว มายื่นคำร้องแจ้งความดำเนินคดีต่อ พ.ต.ท.ทวีชัย พรมเพ็ชร สารวัตรเวร สภ.เมือง จ.เชียงราย กล่าวหาแกนนำคนเสื้อแดงใน จ.เชียงราย คือ นางมติ พิพัฒนสุมงคล หรือ เจ๊หมวย แซ่อั้ง เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวรสเยี่ยม แฟนคลับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้งเป็นประธานชมรมคนรักทักษิณเชียงราย 49 ซึ่งเคลื่อนไหวในพื้นที่มาโดยตลอด
โดยการฟ้องร้องดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อหัวค่ำวันที่ 25 มิ.ย.54 ที่ผ่านมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จ.เชียงราย ร่วมกับสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดและเทศบาลนครเชียงราย จัดเวทีกลางขึ้นภายในเวทีกาดเจียงฮายรำลึก (ถนนคนเดิน) ถ.ธนาลัย ต.เวียง อ.เมือง และเปิดโอกาสให้ผู้สมัครแต่ละพรรคไปหาเสียงต่อประชาชนที่ไปเดินเที่ยวชมงานถนนคนเดินรวมทั้งนั่งโต๊ะเก้าอี้รับฟังนับพันคน
แต่ปรากฏว่า ช่วงที่ นายวันชัย กำลังจะขึ้นกล่าวปราศรัยหาเสียง นางมติ กลับลุกยืนขึ้น และตะโกนโวยวายใส่นายวันชัย ว่า “มีญาติถูกจำคุก เพราะเรื่องยาเสพติด และบุตรของนางมติ ก็ติดยาเสพติด ดังนั้น นายวันชัย ไม่มีสิทธิ์จะปราศรัยเรื่องนี้”
จากนั้น นางมติ ยังท้าทายให้ฟ้องร้องด้วย จนทำให้เวทีการปราศรัยหยุดชะงัก และทาง กกต.รวมทั้งตำรวจต้องเชิญตัวนางมติ ออกไป เพื่อให้การปราศรัยเดินหน้าไปตามปกติ
นายจุมพล ได้นำเอกสารคำฟ้องอ้างถึงพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มาตรา 53 ซึ่งห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ (5) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใดและผู้ถูกกล่าวหา
หากกระทำผิดจริง จะมีโทษ ตาม มาตรา 137 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 20 มาตรา 53 มาตรา 57 วรรคหนึ่ง มาตรา 70 หรือมาตรา 83 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี ในกรณีมีการฝ่าฝืนมาตรา 53 และศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษผู้กระทำการฝ่าฝืน ให้ศาลสั่งจ่ายเงินสินบนนำจับไม่เกินกึ่งหนึ่งจากจำนวนเงินค่าปรับแก่ผู้แจ้งความนำจับ
ซึ่งทาง พ.ต.ท.ทวีชัย ได้เก็บไว้เป็นหลักฐานและเตรียมจะเรียกนางมติไปทำการสอบสวนตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
พ.ต.ท.ทวีชัย กล่าวว่า เมื่อมีผู้ไปแจ้งความตำรวจก็จำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลหลักฐาน หากพบมีมูลเพียงพอก็จะออกหมายเรียกให้ผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา หรือถ้าผู้ถูกกล่าวหาจะมาแสดงตัวรับทราบข้อกล่าวหาก่อนก็ได้
ส่วนอัตราโทษนั้นในเรื่องหมิ่นประมาทมีโทษ จำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท และโทษตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาท ถึง 2 แสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี
