ประจวบคีรีขันธ์ - “กำนันตำบลคลองวาฬ" ประจวบคีรีขันธ์ ยันไม่มีสวมชื่อแรงงานพม่า 42 คนที่ถูกจับ เผยเป็นแรงงานชนิดเช้าไปเย็นกลับตามเงื่อนไขที่ทางจังหวัดประจวบฯ ได้เปิดให้มีการผ่อนผันการใช้แรงงานในภาคการเกษตรได้ จี้ภาครัฐแก้ปัญหาหวั่นทางพม่าไม่พอใจอาจปืดแนวชายแดน ทั้งที่จังหวัดเตรียมเปิดด่านการค้าถาวรอยู่แล้ว ขณะที่เกษตรกรไร่สับปะรด ครวญแรงงานไทยหายากไม่ยอมทำงานไร่
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14 ค่ายพระมงกุฎเกล้า เข้าจับกุมแรงงานชาวพม่าจำนวน 42 คนซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนไทย-พม่าเพียงไม่กี่กิโลเมตร ซึ่งทางจังหวัดได้เปิดให้มีการผ่อนผันการใช้แรงงานในภาคการเกษตร ขณะเข้ามาทำงานในไร่สับปะรดบริเวณบ้านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์แบบรายวันเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุดเกษตรกรที่นำแรงงานพม่ามาทำงานในไร่สับปะรด ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เรียกร้องให้หน่วยงานรัฐเข้าไปแก้ปัญหาให้เป็นระบบและเป็นไปในทิศทางเดียวกันเนื่องจากเกรงว่าทางพม่าจะไม่พอใจและปิดด่านชายแดนจนทำให้เกษตรกรผู้ทำไร่สับปะรดที่ต้องใช้แรงงานต่างด้าวชาวพม่าเป็นหลักจะได้รับผลกระทบขาดแคลนแรงงาน
นายสมศักดิ์ หอยทอง กำนันตำบลคลองวาฬ ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การจับกุมแรงงานพม่าในระยะทางที่ห่างจากชายแดนเพียงไม่กี่กิโลเมตร ซึ่งที่ผ่านมาซึ่งแรงงานพม่าทั้ง 42 คนนี้เข้ามาทำงานไร่สับปะรดที่มีอยู่จำนวนมาก ซึ่งแต่ละวันจะมีเกษตรกรชาวไร่สับปะรดกว่า 30 รายขึ้นไปรับพม่าที่บ้านหมู่ด่องฝั่งพม่าแล้วลงมาทำงาน เมื่อเสร็จแล้วก็จะกลับบ้านในเวลา 5 โมงเย็น และทุกครั้งจะมีการตรวจสอบรายชื่อผู้เข้าออกผ่านชายแดนอย่างถูกต้อง โดยการสแกนลายนิ้วมือ ทำให้ทราบข้อมูลแรงงานครบถ้วน ทั้งรูปถ่ายและตำนิรูปพรรณ จากประวัติที่ ตชด.มีอยู่ในระบบ ประกอบกับแรงงานทั้งหมดนี้เป็นชาวพม่าที่อยู่อาศัยในหมู่บ้านมูด่อง ซึ่งเป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีประชากรกว่า 3,000 คนทุกเย็นคนเหล่านี้จึงต้องกลับไปอยู่กับครอบครัว
ทั้งนี้ ชาวสวนสับปะรดคนไทยที่มีนับพันไร่บริเวณ ต.คลองวาฬ กำลังประสบปัญหา เนื่องจากงานในไร่สับปะรดนี้คนไทยไม่ยอมทำ จึงจำเป็นต้องใช้แรงงานพม่า ทั้งนี้ เป็นไปตามข้อตกลงในการประชุมระดับจังหวัดที่ให้มีการผ่อนผันการใช้แรงงานในพื้นที่ โดยเป็นการทำงานใกล้กับชายแดนแต่ต้องเป็นแบบเช้าไปเย็นกลับเท่านั้น
โดยที่ผ่านมาเคยเกิดปัญหา เมื่อหน่วยงานรัฐบางแห่งเคยจับกุมแรงงานพม่า จนเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงที่คุมกำลังอยู่สั่งปิดชายแดนอยู่นานนับสัปดาห์ สร้างความเสียหายอย่างมาก และต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้มีแรงานงานไทยและผู้ประกอบการไทย เดินทางไปทำงานฝั่งพม่าวันละนับร้อยคน โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ไปดูแลผลผลิตทางการเกษตรฝั่งพม่า
เช่น มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ส่วนชาวพม่าจะเดินทางมาทำงานในภาคเกษตรวันละ 500 คน ซึ่งเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากการจับจ่ายใช้สอยทั้งหมดถูกหมุนในระบบกลับมาสู่เมืองไทย ทำให้เศรษฐกิจบริเวณนี้คึกคัก ทั้งนี้ ทางจังหวัดมีการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดด่านสิงขร ให้เป็นด่านการค้าชายแดนไทย-พม่าถาวร หากเกิดการกระทบกระทั่งเช่นนี้ อาจมีผลต่อการเปิดด่านก็เป็นได้ จึงอยากให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยทำงานประสานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ด้านนายณัฐวุฒิ เสือผ่อง เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดที่นำแรงงานพม่ามาใช้ในไร่ กล่าวว่า ตนนำแรงงานพม่าจำนวน 42 คนเข้ามาทำงานในไร่สับปะรดที่มีพื้นที่กว่า 100 ไร่ทุกวัน โดยตนไปรับตอนเช้าและส่งกลับตอนเย็น ก็ไม่เคยมีปัญหา หากไม่มีแรงงานพม่านี้ ก็จะกระทบต่อกระบวนการผลิต อยากให้เจ้าหน้าที่เข้าใจชาวบ้าน เพราะอาจเกิดผลกระทบกับชาวไร่สับปะรดนับร้อยรายในตำบลคลองวาฬนี้
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14 ค่ายพระมงกุฎเกล้า เข้าจับกุมแรงงานชาวพม่าจำนวน 42 คนซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนไทย-พม่าเพียงไม่กี่กิโลเมตร ซึ่งทางจังหวัดได้เปิดให้มีการผ่อนผันการใช้แรงงานในภาคการเกษตร ขณะเข้ามาทำงานในไร่สับปะรดบริเวณบ้านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์แบบรายวันเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุดเกษตรกรที่นำแรงงานพม่ามาทำงานในไร่สับปะรด ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เรียกร้องให้หน่วยงานรัฐเข้าไปแก้ปัญหาให้เป็นระบบและเป็นไปในทิศทางเดียวกันเนื่องจากเกรงว่าทางพม่าจะไม่พอใจและปิดด่านชายแดนจนทำให้เกษตรกรผู้ทำไร่สับปะรดที่ต้องใช้แรงงานต่างด้าวชาวพม่าเป็นหลักจะได้รับผลกระทบขาดแคลนแรงงาน
นายสมศักดิ์ หอยทอง กำนันตำบลคลองวาฬ ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การจับกุมแรงงานพม่าในระยะทางที่ห่างจากชายแดนเพียงไม่กี่กิโลเมตร ซึ่งที่ผ่านมาซึ่งแรงงานพม่าทั้ง 42 คนนี้เข้ามาทำงานไร่สับปะรดที่มีอยู่จำนวนมาก ซึ่งแต่ละวันจะมีเกษตรกรชาวไร่สับปะรดกว่า 30 รายขึ้นไปรับพม่าที่บ้านหมู่ด่องฝั่งพม่าแล้วลงมาทำงาน เมื่อเสร็จแล้วก็จะกลับบ้านในเวลา 5 โมงเย็น และทุกครั้งจะมีการตรวจสอบรายชื่อผู้เข้าออกผ่านชายแดนอย่างถูกต้อง โดยการสแกนลายนิ้วมือ ทำให้ทราบข้อมูลแรงงานครบถ้วน ทั้งรูปถ่ายและตำนิรูปพรรณ จากประวัติที่ ตชด.มีอยู่ในระบบ ประกอบกับแรงงานทั้งหมดนี้เป็นชาวพม่าที่อยู่อาศัยในหมู่บ้านมูด่อง ซึ่งเป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีประชากรกว่า 3,000 คนทุกเย็นคนเหล่านี้จึงต้องกลับไปอยู่กับครอบครัว
ทั้งนี้ ชาวสวนสับปะรดคนไทยที่มีนับพันไร่บริเวณ ต.คลองวาฬ กำลังประสบปัญหา เนื่องจากงานในไร่สับปะรดนี้คนไทยไม่ยอมทำ จึงจำเป็นต้องใช้แรงงานพม่า ทั้งนี้ เป็นไปตามข้อตกลงในการประชุมระดับจังหวัดที่ให้มีการผ่อนผันการใช้แรงงานในพื้นที่ โดยเป็นการทำงานใกล้กับชายแดนแต่ต้องเป็นแบบเช้าไปเย็นกลับเท่านั้น
โดยที่ผ่านมาเคยเกิดปัญหา เมื่อหน่วยงานรัฐบางแห่งเคยจับกุมแรงงานพม่า จนเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงที่คุมกำลังอยู่สั่งปิดชายแดนอยู่นานนับสัปดาห์ สร้างความเสียหายอย่างมาก และต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้มีแรงานงานไทยและผู้ประกอบการไทย เดินทางไปทำงานฝั่งพม่าวันละนับร้อยคน โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ไปดูแลผลผลิตทางการเกษตรฝั่งพม่า
เช่น มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ส่วนชาวพม่าจะเดินทางมาทำงานในภาคเกษตรวันละ 500 คน ซึ่งเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากการจับจ่ายใช้สอยทั้งหมดถูกหมุนในระบบกลับมาสู่เมืองไทย ทำให้เศรษฐกิจบริเวณนี้คึกคัก ทั้งนี้ ทางจังหวัดมีการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดด่านสิงขร ให้เป็นด่านการค้าชายแดนไทย-พม่าถาวร หากเกิดการกระทบกระทั่งเช่นนี้ อาจมีผลต่อการเปิดด่านก็เป็นได้ จึงอยากให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยทำงานประสานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ด้านนายณัฐวุฒิ เสือผ่อง เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดที่นำแรงงานพม่ามาใช้ในไร่ กล่าวว่า ตนนำแรงงานพม่าจำนวน 42 คนเข้ามาทำงานในไร่สับปะรดที่มีพื้นที่กว่า 100 ไร่ทุกวัน โดยตนไปรับตอนเช้าและส่งกลับตอนเย็น ก็ไม่เคยมีปัญหา หากไม่มีแรงงานพม่านี้ ก็จะกระทบต่อกระบวนการผลิต อยากให้เจ้าหน้าที่เข้าใจชาวบ้าน เพราะอาจเกิดผลกระทบกับชาวไร่สับปะรดนับร้อยรายในตำบลคลองวาฬนี้