ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - เผยผลสอบขบวนการเอี่ยว รง.ชำแหละซากไก่เน่า โคราช ยกแรก พบ จนท.-ขรก.ปศุสัตว์ อ.ปากช่อง ผิดฐานประมาทเลินเล่อ-ละเลยปฏิบัติหน้าที่ ชงต้นสังกัดฟันโทษวินัย คาด อีก 3-5 วัน รู้เรียกรับส่วยหรือไม่ ด้าน ตร.เผย ผู้ต้องหาที่หลบหนียังไม่มอบตัวจ่อออกหมายจับ ระบุ เป็นขบวนการใหญ่มีผู้เกี่ยวข้องมาก เร่งสาวถึงนายทุนกลาง-ใหญ่ วอน ขรก.เกี่ยวข้องให้เลิกพฤติกรรมอย่าหวังแค่ผลประโยชน์ ฝาก ปชช.ช่วยเป็นหูตาให้ทางราชการ
วันนี้ (20 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่ศูนย์ข้อมูลสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายปิติธรรม ฐิติมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานกรรมการตรวจสอบพฤติกรรมเจ้าหน้าที่รัฐกรณีที่ปล่อยให้มีโรงงานชำแหละซากไก่เถื่อน เกิดขึ้นใน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ภายหลังจากคณะกรรมการตรวจข้อเท็จจริงรวม 5 คน ประกอบด้วย ตนในฐานะประธานการตรวจสอบ, ปลัดจังหวัด, นิติกรที่ทำการปกครองจังหวัด, หัวหน้าสำนักงานจังหวัด และหัวหน้ากลุ่มสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ซึ่งคงต้องสอบเพิ่มอีกมาก เพราะมีผลเกี่ยวพันกับหลายบุคคล แต่เบื้องต้นเท่าที่ได้รับรายงานทราบว่า อาจมีเจ้าหน้าที่และข้าราชการที่กระทำการด้วยความประมาทเลินเล่อ และละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งต้องมีการสอบวินัยต่อไป
นายปิติธรรม กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของปศุสัตว์อำเภอปากช่อง เพราะมีหน้าที่โดยตรงในการดำเนินการตรงนั้น สำหรับประเด็นการสอบสวนตั้งไว้ 3 ประเด็นหลัก คือ 1.ว่าด้วยเรื่องการประมวลเหตุการณ์ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด 2.เหตุการณ์เหล่านี้ใครเกี่ยวข้องบ้างและผู้ที่เกี่ยวข้องมีความเกี่ยวพันกันอย่างไร และเกี่ยวข้องแล้วทำหน้าที่ของตัวเองดีหรือไม่ ถ้าไม่ถือว่าละเลยการปฏิบัติหน้าที่ และ 3.เกี่ยวข้องแล้วยังไปเรียกรับส่วยอีกหรือเปล่า ถ้ามีต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริงตรงไปตรงมา แต่ในประเด็นนี้เรายังสอบไปไม่ถึง
ส่วนประเด็นแรกเราพอเห็นอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม การสอบสวนตรงนี้เราต้องสอบกันไปอีกหลายปาก เพราะอยากให้ข้อมูลและพยานหลักฐานเหล่านี้มันชัดเจน ทุกคนยอมรับได้ และ เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งผลการสอบในประเด็นแรกจะเสนอให้ นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา รอบแรกไปก่อน
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการลงโทษทางวินัยนั้น เป็นเรื่องของต้นสังกัด ซึ่งทางจังหวัดจะส่งข้อมูลทั้งหมดในส่วนกลางดำเนินการสอบต่อไป ส่วนทางต้นสังกัดจะสอบสวนในทางลึกอีกหรือไม่ก็แล้วแต่ ขอเรียนว่า เรื่องนี้เราต้องทำความจริงให้ปรากฏเพื่อให้สังคม สาธารณชนได้รับทราบข้อเท็จจริง ซึ่งผู้ว่าฯ นครราชสีมา คงจะให้รายละเอียดผลสรุปอีกครั้ง คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร
นายปิติธรรม กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่ 2-3 การสอบน่าจะใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน เพราะต้องสอบพยานอีกหลายปาก เช่น ตัวกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.พี่น้องประชาชน ชาวบ้านที่รู้เห็นว่า คนพวกนั้นไปทำสิ่งเหล่านี้อยู่ทำให้เดือดร้อนอย่างไร ขอยืนยันว่า จะไม่มีการกลั่นแกล้งใครเด็ดขาด เราทำอย่างตรงไปตรงมา จะไปทำอะไรที่มันผิดไปจากข้อเท็จจริงไม่ได้อยู่แล้ว สมมติว่า เวลานี้มันเกิดเรื่องนี้ ข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างนี้ มันก็ต้องอย่างนั้น มันจะไปบิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้
“สำหรับการสอบปากคำพยานได้สอบไปแล้วกว่า 10 ราย แบ่งเป็นประชาชน 4-5 ปาก ข้าราชการสอบ 6 ปาก และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อีก 3 ปาก อย่างไรก็ตาม ขอฝากว่าพี่น้องประชาชนจะเป็นผู้ให้เบาะแสเราได้อย่างดี และจะทำให้เราสอบไปได้ถึงข้อมูลจริงๆ” นายปิติธรรม กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กฤษณ์ฤทธิศักย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รองผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา เปิดเผยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีดังกล่าวว่า หลังตำรวจ สภ.ปากช่อง ได้ออกหมายเรียก นายชัชวาลย์ เพชรพนม อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 460 หมู่ 2 ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 1 ใน 6 ผู้ต้องหา ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ติดต่อเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ หากออกหมายเรียกฉบับที่ 2 ไปแล้ว ยังไม่มาพบออกหมายจับต่อไป
ส่วนคดีนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนหาพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการต่อถึงนายทุนระดับกลาง และระดับใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการนำซากไก่มาจำหน่ายให้ผู้ค้ารายย่อยโดยเฉพาะจุดที่จับกุมได้ ซึ่งซากไก่ดังกล่าวเกิดจากผู้เลี้ยงที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายโดยการนำเอามาขายในราคาถูก เชื่อว่าแก๊งนี้มีเครือข่ายที่ใหญ่พอสมควร เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีผลตอบแทนสูง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง และขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่แจ้งข่าวสารเข้ามาเป็นเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นระยะๆ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ใช้ในการขยายผลหาผู้ที่เกี่ยวข้อง
พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กล่าวอีกว่า เนื่องจากพยานหลักฐานหายไปตามระยะเวลา แต่ตำรวจพยายามทุ่มเทเพื่อสืบหาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นคดีที่สร้างความเสียหายในสังคมระดับกว้าง และทำให้เกิดความไม่มั่นใจให้กับผู้บริโภคว่า มีการปลอมปนอาหาร จึงอยากวิงวอนเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในขบวนการนี้ขอให้เลิก เพราะเป็นการซ้ำเติม และฉวยโอกาส เราอาจได้กำไรดี แต่ผู้บริโภคได้บริโภคสินค้าที่ไม่มีคุณภาพขอให้มีสำนึกด้วย
“ขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่หากพบเห็นมีการกระทำใดๆ ที่ผิดกฎหมาย นอกจากจะเป็นการทำลายสังคมแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อชุมชนนั้น ๆ ขอให้ประชาชนช่วยกันแจ้งเบาะแส เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการจับกุมและป้องกันต่อไป” พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กล่าว
วันนี้ (20 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่ศูนย์ข้อมูลสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายปิติธรรม ฐิติมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานกรรมการตรวจสอบพฤติกรรมเจ้าหน้าที่รัฐกรณีที่ปล่อยให้มีโรงงานชำแหละซากไก่เถื่อน เกิดขึ้นใน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ภายหลังจากคณะกรรมการตรวจข้อเท็จจริงรวม 5 คน ประกอบด้วย ตนในฐานะประธานการตรวจสอบ, ปลัดจังหวัด, นิติกรที่ทำการปกครองจังหวัด, หัวหน้าสำนักงานจังหวัด และหัวหน้ากลุ่มสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ซึ่งคงต้องสอบเพิ่มอีกมาก เพราะมีผลเกี่ยวพันกับหลายบุคคล แต่เบื้องต้นเท่าที่ได้รับรายงานทราบว่า อาจมีเจ้าหน้าที่และข้าราชการที่กระทำการด้วยความประมาทเลินเล่อ และละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งต้องมีการสอบวินัยต่อไป
นายปิติธรรม กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของปศุสัตว์อำเภอปากช่อง เพราะมีหน้าที่โดยตรงในการดำเนินการตรงนั้น สำหรับประเด็นการสอบสวนตั้งไว้ 3 ประเด็นหลัก คือ 1.ว่าด้วยเรื่องการประมวลเหตุการณ์ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด 2.เหตุการณ์เหล่านี้ใครเกี่ยวข้องบ้างและผู้ที่เกี่ยวข้องมีความเกี่ยวพันกันอย่างไร และเกี่ยวข้องแล้วทำหน้าที่ของตัวเองดีหรือไม่ ถ้าไม่ถือว่าละเลยการปฏิบัติหน้าที่ และ 3.เกี่ยวข้องแล้วยังไปเรียกรับส่วยอีกหรือเปล่า ถ้ามีต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริงตรงไปตรงมา แต่ในประเด็นนี้เรายังสอบไปไม่ถึง
ส่วนประเด็นแรกเราพอเห็นอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม การสอบสวนตรงนี้เราต้องสอบกันไปอีกหลายปาก เพราะอยากให้ข้อมูลและพยานหลักฐานเหล่านี้มันชัดเจน ทุกคนยอมรับได้ และ เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งผลการสอบในประเด็นแรกจะเสนอให้ นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา รอบแรกไปก่อน
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการลงโทษทางวินัยนั้น เป็นเรื่องของต้นสังกัด ซึ่งทางจังหวัดจะส่งข้อมูลทั้งหมดในส่วนกลางดำเนินการสอบต่อไป ส่วนทางต้นสังกัดจะสอบสวนในทางลึกอีกหรือไม่ก็แล้วแต่ ขอเรียนว่า เรื่องนี้เราต้องทำความจริงให้ปรากฏเพื่อให้สังคม สาธารณชนได้รับทราบข้อเท็จจริง ซึ่งผู้ว่าฯ นครราชสีมา คงจะให้รายละเอียดผลสรุปอีกครั้ง คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร
นายปิติธรรม กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่ 2-3 การสอบน่าจะใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน เพราะต้องสอบพยานอีกหลายปาก เช่น ตัวกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.พี่น้องประชาชน ชาวบ้านที่รู้เห็นว่า คนพวกนั้นไปทำสิ่งเหล่านี้อยู่ทำให้เดือดร้อนอย่างไร ขอยืนยันว่า จะไม่มีการกลั่นแกล้งใครเด็ดขาด เราทำอย่างตรงไปตรงมา จะไปทำอะไรที่มันผิดไปจากข้อเท็จจริงไม่ได้อยู่แล้ว สมมติว่า เวลานี้มันเกิดเรื่องนี้ ข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างนี้ มันก็ต้องอย่างนั้น มันจะไปบิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้
“สำหรับการสอบปากคำพยานได้สอบไปแล้วกว่า 10 ราย แบ่งเป็นประชาชน 4-5 ปาก ข้าราชการสอบ 6 ปาก และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อีก 3 ปาก อย่างไรก็ตาม ขอฝากว่าพี่น้องประชาชนจะเป็นผู้ให้เบาะแสเราได้อย่างดี และจะทำให้เราสอบไปได้ถึงข้อมูลจริงๆ” นายปิติธรรม กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กฤษณ์ฤทธิศักย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รองผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา เปิดเผยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีดังกล่าวว่า หลังตำรวจ สภ.ปากช่อง ได้ออกหมายเรียก นายชัชวาลย์ เพชรพนม อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 460 หมู่ 2 ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 1 ใน 6 ผู้ต้องหา ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ติดต่อเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ หากออกหมายเรียกฉบับที่ 2 ไปแล้ว ยังไม่มาพบออกหมายจับต่อไป
ส่วนคดีนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนหาพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการต่อถึงนายทุนระดับกลาง และระดับใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการนำซากไก่มาจำหน่ายให้ผู้ค้ารายย่อยโดยเฉพาะจุดที่จับกุมได้ ซึ่งซากไก่ดังกล่าวเกิดจากผู้เลี้ยงที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายโดยการนำเอามาขายในราคาถูก เชื่อว่าแก๊งนี้มีเครือข่ายที่ใหญ่พอสมควร เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีผลตอบแทนสูง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง และขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่แจ้งข่าวสารเข้ามาเป็นเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นระยะๆ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ใช้ในการขยายผลหาผู้ที่เกี่ยวข้อง
พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กล่าวอีกว่า เนื่องจากพยานหลักฐานหายไปตามระยะเวลา แต่ตำรวจพยายามทุ่มเทเพื่อสืบหาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นคดีที่สร้างความเสียหายในสังคมระดับกว้าง และทำให้เกิดความไม่มั่นใจให้กับผู้บริโภคว่า มีการปลอมปนอาหาร จึงอยากวิงวอนเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในขบวนการนี้ขอให้เลิก เพราะเป็นการซ้ำเติม และฉวยโอกาส เราอาจได้กำไรดี แต่ผู้บริโภคได้บริโภคสินค้าที่ไม่มีคุณภาพขอให้มีสำนึกด้วย
“ขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่หากพบเห็นมีการกระทำใดๆ ที่ผิดกฎหมาย นอกจากจะเป็นการทำลายสังคมแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อชุมชนนั้น ๆ ขอให้ประชาชนช่วยกันแจ้งเบาะแส เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการจับกุมและป้องกันต่อไป” พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กล่าว