อดีตนักการเมืองชี้ นิรโทษกรรมคนจนกรณีที่ดินดีกว่านักการเมือง

อุบลราชธานี- “วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” อดีต รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา สมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช อยากเห็นรัฐบาลใหม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้คนจน กรณีบุกรุกที่ดินมากกว่าคดีการเมือง เพราะบ้านเมืองบอบช้ำมากแล้ว เรื่องใดที่นำไปสู่ความขัดแย้งของคนในชาติไม่ควรทำ ด้าน รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ชี้นโยบายหาเสียงเลือกตั้งเป็นนโยบายขายฝัน แนะประชาชนมีความจำยาวตามทวงถามนักการเมืองหลังเลือกตั้งผ่านไปแล้ว

วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่ห้องบุษยรัตน์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี นักศึกษาวิชาการปกครองท้องถิ่น จัดเสวนาวิชาการ “ทิศทางการเมืองไทยหลังจากยุบสภา 2554” โดยเชิญนักวิชาการและอดีตนักการเมืองร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ ตลอดจนให้นักศึกษาสาขาวิชาการดังกล่าว ซักถามข้อสงสัย เพื่อใช้ในการศึกษาและรณรงค์ให้นักศึกษาออกไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้ง โดยมี นายนพพา พันธ์เพ็ง นักจัดรายการชื่อดังทางสถานีวิทยุเป็นผู้ดำเนินรายการ

รศ.วุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าและอาจารย์ประจำคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองที่ใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นมหาประชานิยมที่ขายฝันให้แก่ชาวบ้าน และทำเพราะต้องการได้คะแนนนิยม จึงไม่กล้าเสนอนโยบายที่ทำได้จริง เพราะมันไม่ตรงกับใจประชาชน

แต่การประกาศนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองเริ่มมีวิวัฒนาการ เมื่อใช้หาเสียงแล้วต้องทำบางเรื่องให้ได้ ส่วนบางเรื่องก็จะใช้ข้ออ้างอื่นมากลบเกลื่อน จึงขอให้คนไทยมีความจำดีและจำไว้นานๆอย่าได้ลืมง่าย

ส่วนการติดตามทวงถามตามที่พรรคการเมืองได้หาเสียงไว้ ขอให้เป็นหน้าที่ของสถาบันการศึกษา หรือนักวิชาการที่เข้าถึงข้อมูลเป็นผู้ติดตามถาม เพราะประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยังไม่มีข้อมูลที่จะใช้ถามกับนักการเมืองได้ดีพอ

ขณะที่ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (ITD) และอดีต รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งอดีตกรรมการบริหารพรรคชาติไทยที่ถูกเว้นวรรคทางการเมืองกล่าวถึงกฎหมายนิรโทษกรรมว่า ขณะนี้ต้องการให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมชาวบ้านที่มีข้อพิพาทกับรัฐบาล ในกรณีปัญหาที่ดินทำกินที่ดินอยู่อาศัย ซึ่งปัจจุบันถูกจับดำเนินคดีอยู่ทั่วประเทศกว่า 50,000 ราย มากกว่ามาเคลื่อนไหวนิรโทษกรรมให้นักการเมือง เนื่องจากชาวบ้านที่ถูกจับส่วนใหญ่เป็นคนจน เมื่อถูกจับและอยู่ระหว่างรอการดำเนินคดี กว่าครึ่งหนึ่งไม่มีเงินประกันตัวเอง ต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ

นอกจากนี้ ยังเห็นว่า ข้อบังคับของกฎหมายหลายประการ มีความเลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจนและกับคนมีอำนาจ เมื่อรัฐมีข้อพิพาทกับคนจนสามารถจับตัวมาดำเนินคดีได้ง่าย แต่กับคนรวยหรือคนที่มีอำนาจ รัฐกลับอ่อนปวกเปียกไม่ดำเนินการ ดังนั้นปัญหาจึงอยู่ที่ตัวระบบที่ต้องแก้ไข

“จึงขอให้ทุกพรรคการเมืองเห็นแก่ประเทศชาติที่บอบช้ำมามาก การออกกฏหมายนิรโทษกรรมอะไรที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ควรทำอย่างยิ่งในขณะนี้” อดีตนักการเมืองที่ถูกศาลสั่งเว้นวรรคทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี จากกรณียุบพรรคชาติไทย กล่าว