xs
xsm
sm
md
lg

ติวเข้ม 100 อส.สมานฉันท์พิจิตร-สร้างเครือข่ายแก้ขัดแย้งแบ่งสีในชุมชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พิจิตร - เมืองชาละวันเปิดเวทีอบรมเข้มอาสาสมัครเครือข่ายสมานฉันท์และสันติวิธีในชุมชน หวังลดความขัดแย้งในสังคม สกัดคดีความรกศาล ผู้ว่าฯย้ำ ตั้งแต่สมัยสุโขทัย มีการปกครองแบบพ่อดูแลลูก เมืองไทยร่มเย็นเป็นสุข แต่ห้วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กลับขัดแย้งรุนแรง

วันนี้ (6 มิ.ย.) นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร ผู้ว่าฯราชการจังหวัดพิจิตร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดอบรมสัมมนาเครือข่ายสมานฉันท์และสันติวิธีในชุมชนแก่ภาคประชาชน ที่จัดขึ้นโดยนายศักดิ์ชาย รวยดี ผอ.สำนักงานบังคับคดีจังหวัดพิจิตร หัวหน้าสำนักงานยุติธรรมจังหวัดพิจิตร ณ ห้องประชุม โรงแรมพิจิตรพลาซ่า โดยมีอาสาสมัครเข้าร่วมจำนวนเกือบ 100 คน และ นายเกษม มูลจันทร์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการ กรมคุมประพฤติ ช่วยราชการ สนง.คณะกรรมการเสริมสร้างความสมานแห่งชาติ เข้าร่วมเป็นวิทยากร

ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ในอดีตตั้งแต่สมัยสุโขทัยปกครองกันแบบ พ่อดูแลลูก เมืองไทยก็อยู่กันได้ร่มเย็นเรื่อยมา แต่พอมาในช่วง 1-2 ปีนี้ จนถึงวันนี้สถานการณ์กลับเปลี่ยนไปที่คนไทยแตกแยกแบ่งสีกันอย่างหนัก ถึงขนาดกล้าเผาบ้านเผาเมืองมีปากเสียง ด่าทอ ใช้คำรุนแรง หยาบคาย ไปจนถึงกล้าตีต่อยใช้อาวุธเข้าทำร้ายกันต่อหน้ากล้องโทรทัศน์ โดยไม่ยำเกรงกลัวกฎหมาย ขาดความเคารพในสิทธิซึ่งกันและกัน

และยิ่งในช่วงนี้ใกล้ถึงวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ที่เป็นวันเลือกตั้ง ส.ส.ก็อาจทำให้มีเหตุต่างๆมากมายที่ก่อให้เกิดการทะเลาะกัน ซึ่งความแตกแยกนี้ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันจนกลายเป็นคดีรกศาล รวมถึงปัญหาในครอบครัวที่พบว่า ปัจจุบัน สามี-ภรรยา ในจังหวัดพิจิตร ก็มีการหย่าร้างกันสูงถึงกว่า 37% ดังนั้น จึงได้จัดอบรมเพื่อให้อาสาสมัครเหล่านี้เป็นผู้ไกล่เกลี่ยสร้างความสมานฉันท์และก่อให้เกิดสันติวิธีในชุมชน เพื่อให้คดีที่เป็นปัญหาเบาๆของสังคม ขอให้จบลงเพียงแค่ในหมู่บ้าน ส่วนปัญหาใหญ่จึงค่อยให้มาจลลงที่ศาลยุติธรรม

ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร มองว่า ปัจจัยเหตุต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง มาจากความคับแค้นทางจิตใจและความยากไร้ ทางวัตถุขอให้เอาน้ำใจและภูมิปัญญาชาวบ้านเข้าดับภัยร้อนของชุมชนให้กลับมาสงบร่มเย็น และเป็นประเทศสยามเมืองยิ้มต่อไป

สำหรับการอบรมในครั้งนี้ใช้เวลา 2 วัน ซึ่งนอกจากจะมีวิทยากรมืออาชีพแล้ว ยังมีปราชญ์ชาวบ้านที่เป็นนักไกล่เกลี่ยมาเข้าร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การสร้างสันติวิธีให้แก่ผู้เข้าอบรมเพื่อเสริมทักษะในการนี้ด้วย ซึ่งผลที่คาดว่าจะได้รับจะทำให้ทุกฝ่ายของสังคมไทยลดการใช้ความรุนแรงและความแตกแยกทางความคิด และอุดมการณ์ ซึ่งถึงแม้มีความแตกต่างแต่ต้องไม่แตกแยก
กำลังโหลดความคิดเห็น