ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “นพ.วรรณรัตน์” หน.พรรคชาติพัฒนา ผู้สมัครเขต 1 เมืองย่าโมบุกหาเสียงขอคะแนนกับตำรวจโคราช-ภาค 3 ระบุได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ยันจัดตั้ง รบ.ต้องให้เกียรติพรรคใหญ่ เตรียมเปิดเวทีปราศรัยใหญ่โคราชเมืองหลวง ชพน.ในโค้งสุดท้าย เผย “พ.ต.ท.” สันติบาลกร่างทำงามหน้าด่ากราดสื่อ“ใครอนุญาตให้ถ่ายภาพ”
วันนี้ (2 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน (ชพน.) ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขต 1 พร้อม นายกิตติพงษ์ วงศ์สุรเวท หัวหน้าสำนักงานพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน จ.นครราชสีมา และทีมงาน ได้เดินหาเสียงพร้อมแจกแผ่นพับแนะนำตัวพร้อมนโยบายของพรรคฯ เพื่อขอคะแนนเสียงจากข้าราชการตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา , ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา , ตำรวจภูธรภาค 3 สร้างความตื่นตกใจให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพักเนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้สมัคร ส.ส.เข้ามาเดินหาเสียง
จากนั้น นพ.วรรณรัตน์ พร้อมทีมงานได้เดินทางขึ้นไปยังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เพื่อแจกแผ่นพับแนะนำตัวให้แก่ พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) และเข้าไปหาเสียงแจกจ่ายบัตรแนะนำตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในห้องประชุมสารสิน ด้านหลังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งอยู่ระหว่างพากันนั่งรอเตรียมการประชุมด้านความมั่นคงเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. ของหน่วยงานตำรวจสันติบาล กับ ตำรวจภูธรภาค 3 ในพื้นที่ 8 จังหวัดอีสานตอนล่าง ที่ พล.ต.อ.วุฒิ พัวเวส รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (มค 1) จะเดินทางมาเป็นประธานเปิดการประชุม
โดยในระหว่างที่ นพ.วรรณรัตน์ เข้าไปแจกจ่ายเอกสารแนะนำตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น บรรดาผู้สื่อข่าวได้ติดตามเข้าไปบันทึกภาพเพื่อทำข่าวตามหน้าที่ด้วย ปรากฏว่าได้มีนายตำรวจ ระดับ “พ.ต.ท.” นายหนึ่ง พูดต่อว่าบรรดาสื่อมวลชนเสียงดังว่า“ใครอนุญาตให้ถ่ายภาพ รู้หรือไม่ว่ากำลังประชุมความมั่นคงอยู่” พร้อมกับหยิบกล้องขึ้นถ่ายภาพมาบันทึกภาพผู้สื่อข่าว ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับบรรดาผู้สื่อข่าว และนายตำรวจที่อยู่ในห้องประชุมรวมถึงทีมงานหาเสียงของ นพ.วรรณรัตน์ ถึงพฤติกรรมก้าวร้าวของนายตำรวจคนดังกล่าวเป็นอย่างมาก ทั้งที่การประชุมดังกล่าวยังไม่ได้เริ่มขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งทราบชื่อภายหลังนายตำรวจกร่างดังกล่าวคือ พ.ต.ท.พุทธิพงษ์ ไตรพงษ์รัชตะ สารวัตรทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยตำรวจสันติบาลจังหวัดอำนาจเจริญ
นพ.วรรณัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรค ชพน. กล่าวว่า จากการเดินหาเสียงกับตำรวจและประชาชนชาวโคราชได้รับการตอบรับดีมากและได้รับความเมตตาน่าประทับใจ ต้องขอบคุณทุกภาคส่วน ไม่ว่านักเรียน ประชาชน พ่อค้า นักธุรกิจ ข้าราชการทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจ และหวังว่าทุกคนจะให้การสนับสนุนพรรค ชพน. ในการเลือกตั้งครั้งนี้
สำหรับการจัดเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคฯ นั้น คาดว่าช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งประมาณ 4-5 วัน พรรคฯ จะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นฐานคะแนนสำคัญและถือเป็นบ้านเกิดของพรรคฯ แต่ในช่วงนี้จะเป็นการปราศรัยย่อย ตามชุมชน ตลาด ตำบล และอำเภอเพื่อให้กระจายไปทุกพื้นที่ที่พรรคฯ ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง การหาเสียงของพรรคฯ ยังคงนำเสนอผลงาน นโยบาย ของพรรคและตัวบุคคล ซึ่งทุกคนมีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์และมีความพร้อมที่จะอาสาเข้ามารับใช้ประชาชนในฐานะตัวแทนของประชาชน
ส่วนความเป็นไปได้ในการจับมือของพรรคเล็ก พรรคขนาดกลางเพื่อจัดตั้งรัฐบาลนั้น นพ.วรรณรัตน์ ตอบว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้ แต่คิดว่าแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลน่าจะเป็นบทบาทหน้าที่ของพรรคขนาดใหญ่ ส่วนพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินเป็นพรรคขนาดกลาง ขณะนี้เราคงต้องทำหน้าที่ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเพื่อให้ได้ ส.ส.ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เสียก่อน
ต่อข้อถามถึง พรรคใหญ่สองพรรคโจมตีกันไปมา แต่พรรคขนาดกลาง พรรคขนาดเล็ก ยังมุ่งมั่นชูนโยบายปรองดอง นพ.วรรณรัตน์ ตอบว่า คิดว่าทุกพรรคคงมีความคิดเห็นที่ตรงกันคืออยากจะให้เกิดความสามัคคี ปรองดองขึ้นในชาติ คาดว่าหลังเลือกตั้งแล้วน่าจะยุติ ทุกคนน่าจะยอมรับกติกา ยอมรับผลการเลือกตั้งของประชาชนด้วยการตัดสินใจของประชาชน ผู้ที่ได้ชัยชนะก็ยอมรับในชัยชนะ ผู้ที่ฝ่ายแพ้ก็ยอมความพ่ายแพ้ของกันและกัน ถ้าทุกคนเคารพกฎกติกาตามกฎหมายอย่างถูกต้องแล้ว ปัญหานั้นไม่น่าจะเกิดขึ้น คิดว่าหลังการเลือกตั้งแล้วสถานการณ์น่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ขอมองโลกในแง่ดี
ส่วนการร้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลคุ้มครองผู้สมัครของพรรค ชพน.นั้น นพ.วรรณรัตน์ กล่าวว่า มีผู้สมัครของพรรคบางส่วนที่ขอกำลังตำรวจเข้าไปดูแล แต่ไม่ใช่ขอไปเนื่องจากคนของเรามีเหตุร้ายเกิดขึ้น เป็นเพียงว่า ขอไปช่วยประสานงานอำนวยความสะดวกในการเดินทางรณรงค์หาเสียงในพื้นที่ต่างๆ เท่านั้น ซึ่งไม่ได้เป็นสัญญาณว่า การต่อสู้แข่งขันจะรุนแรง หรือเล่นนอกระบบ และประวัติศาสตร์ของโคราชไม่เคยมีปัญหาเรื่องการต่อสู้กันนอกระบบ แต่ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผู้สมัครบางคนมีความประสงค์ขอตำรวจมาช่วยดูแล สมารถทำได้ตามกฎหมายอยู่แล้ว
