ตำรวจสัตหีบเข้มก่อนเลือกตั้ง ระดมกำลังกวาดล้างอาชญากรรม

ศูนย์ข่าวศรีราชา - สารวัตรสืบสัตหีบนำกำลัง ทลายแหล่งซุกซ่อนอาวุธปืนหวั่นก่อเหตุช่วงเลือกตั้ง รวบไต๋ยักษ์มีปืนไว้ในครอบครองเพียบ

วันนี้ (1 มิ.ย.) พ.ต.อ.สมชาย สุนทวนิค ผกก.สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พ.ต.ท.นิพนธ์ ป้อมสนาม รองผกก.สส.สัตหีบ พ.ต.ต.ปารุส สามารถ สว.สส.สภ.สัตหีบ ร.ต.ท.พิชิตพงศ์ ยอดพิกุล รอง.สวป.สภ.สัตหีบ ได้แถลงข่าวการกวาดล้างอาชญากรรมก่อนการเลือกตั้ง และตรวจค้นเป้าหมายตามหมายศาลจังหวัดพัทยา เพื่อเป็นไปตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาในการเร่งรัดกวดขันปราบปราบแหล่งซ่องสุมอาวุธปืน แก๊งมือปืน ที่อาจจะเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่

ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้ามืด พ.ต.ต.ปารุส สามารถ สว.สส.สภ.สัตหีบ ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.สัตหีบได้จับกุมตัวนายนายสถิตย์ หรือไต๋ยักษ์ อินฉุย อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/50-52 ม.8 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนยาวลูกกรด ติดลำกล้อง ขนาด .22 สีดำ หมายเลขประจำปืน กท.3851932 กระบอก อาวุธปืนลูกซอง หมายเลขประจำปืน กท. 4951524 จำนวน 1 กระบอก ปืนพกสั้นกึ่งออโต้ ขนาด 9 มม.หมายเลขประจำปืน กท.4105187 พร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาด 9 จำนวน 28 นัด ลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 53 นัด และลูกกระซุนปืนขนาด .22 จำนวน 35 นัด ถูกซุกซ่อนอยู่ในกล่องใส่ปืน ภายในห้องนอนของผู้ต้องหาหลังจากที่เจ้าหน้าที่นำหมายค้น ของศาลจังหวัดพัทยา ที่ 331/ 2554 เข้าทำการตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 17/50-52 ม.8 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงนำตัวผู้ต้องหามาทำการสอบสวน ยัง สภ.สัตหีบ

จากการสอบสวน นายสถิตย์ หรือ ไต๋ยักษ์ อินฉุย อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าอาวุธและเตรื่องกระสุนปืน ทั้งหมดเป็นของตน ที่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายซึ่งตนมีไว้ในการแข่งขันยิงปืนและไว้ป้องกันตัวขณะออกไปหาปลากลางทะเลซึ่งไม่ได้นำไปก่อเหตุร้ายแต่อย่างใด

พ.ต.ต.ปารุส สามารถ สว.สส.สภ.สัตหีบ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองเป็นจำนวนมาก ซึ่งตามที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ได้กำชับและสั่งการให้ทุกพื้นที่ กวาดล้างอาชญากรรมก่อนการเลือกตั้ง และตรวจค้นเป้าหมายตามหมายศาลจังหวัดพัทยา

เพื่อเป็นไปตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาในการเร่งรัดกวดขันปราบปราบแหล่งซ่องสุมอาวุธปืน แก๊งมือปืน ที่อาจจะเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ทางเจ้าหน้าที่จึงขอหมายศาลจังหวัดพัทยาเพื่อเข้าทำการตรวจค้นจนพบของกลางในเบื้องต้นดังกล่าว ซึ่งจะได้ทำการตรวจสอบที่มาของอาวุธปืนอีกทีว่าได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่ แต่จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายในช่วงเลือกตั้งนี้