ศูนย์ข่าวนครราชสีมา-ตำรวจภาค 3 รวบแก็งโจรกรรมหม้อแปลงไฟฟ้ารายใหญ่ หลังเดินสายก่อเหตุในหลายพื้นที่
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้(31พ.ค.) ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) พร้อมด้วย พล.ต.ต.กรกต สาริยา รอง ผบช.ภ.3 พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กฤษณ์ฤทธิศักย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา (ผบก.ตร.ภ.จว.นม.) และพ.ต.อ.กิตติภพ จงอุตส่าห์ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.ลำทะเมนชัย ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีโจรกรรมหม้อแปลงไฟฟ้า ได้ผู้ต้องหา 2 ราย คือนายจักรวาล เจียมรัมย์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่113 หมู่ที่8 ต.แคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ และนายสัมพันธ์ อัมพร อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21หมู่ที่4 ต.เชียงรากน้อย อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา
พร้อมของกลาง หม้อแปลงไฟฟ้าขนาด เควีเอ หมายเลขPEA48-5389 ราคา 3 แสนบาท , ขดลวดทองแดง จำนวน 5 ขด รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็ก มายเลขทะเบียน บต 9055 ปทุมธานีที่ใช้เป็นพาหนะในการขนย้ายหม้อแปลงไฟฟ้า
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 พ.ค.54 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำทะเมนชัย จ.นครราชสีมาได้ตั้งจุดสกัดแบบบูรณาการ พบผู้ต้องหาทั้ง 2 คนได้ขับรถกระบะ คลุมผ้าใบสีดำบริเวณท้ายรถขับเข้ามายังจุดสกัด ท่าทีมีพิรุธเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการเรียกตรวจหาสารเสพติดปรากฏว่าพบ ปัสสาวะเป็นสีม่วงทั้ง 2 คน เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจค้นรถ พบแผ่นทองเหลือของหม้อแปลงไฟฟ้ากองอยู่ บริเวณกระบะท้ายรถและเครื่องมือเป็นจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง2 คนไปสอบสวนถึงแผ่นทองแดงที่อยู่กระบะหลังรถ ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ตระเวนขับรถหาหม้อแปลงไฟตามสถานที่ต่างๆที่ห่างไกลผู้คน เมื่อพบจะพากันลงมือโดยการใช้ไม้ชักฟิวส์ ยกฟิวส์ออกเพื่อตัดกระแสไฟจากหม้อแปลงไฟ จากนั้นได้พากันปีนเสาไฟขึ้นไปขันน็อตหม้อแปลงไฟฟ้าเพื่อปลดล็อกฐานของหม้อแปลงไฟให้ตกลงมาที่พื้น เพื่อจะใช้แชลงที่เตรียมมางัดฝาออกแล้วช่วยกันงัดแผ่นทองแดงที่อยู่ข้างในนำไปเผาไฟแล้วจะนำไปขายตามร้านรับซื้อของเก่า แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับได้ก่อน
นอกจากนี้ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพด้วยว่า เคยประกอบเหตุเช่นนี้มาแล้วในหลายพื้นที่ ประกอบด้วยในพื้นที่ เขต อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา , บริเวณที่กลับรถของถนนมิตรภาพ , อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา และบริเวณถนนสายปทุมธานี-บางปะหัน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกในการกระผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร และเสพยาเสพติดให้โทษประเภทหนึ่ง (ยาบ้า)โดยผิดกฎหมาย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้(31พ.ค.) ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) พร้อมด้วย พล.ต.ต.กรกต สาริยา รอง ผบช.ภ.3 พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กฤษณ์ฤทธิศักย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา (ผบก.ตร.ภ.จว.นม.) และพ.ต.อ.กิตติภพ จงอุตส่าห์ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.ลำทะเมนชัย ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีโจรกรรมหม้อแปลงไฟฟ้า ได้ผู้ต้องหา 2 ราย คือนายจักรวาล เจียมรัมย์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่113 หมู่ที่8 ต.แคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ และนายสัมพันธ์ อัมพร อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21หมู่ที่4 ต.เชียงรากน้อย อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา
พร้อมของกลาง หม้อแปลงไฟฟ้าขนาด เควีเอ หมายเลขPEA48-5389 ราคา 3 แสนบาท , ขดลวดทองแดง จำนวน 5 ขด รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็ก มายเลขทะเบียน บต 9055 ปทุมธานีที่ใช้เป็นพาหนะในการขนย้ายหม้อแปลงไฟฟ้า
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 พ.ค.54 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำทะเมนชัย จ.นครราชสีมาได้ตั้งจุดสกัดแบบบูรณาการ พบผู้ต้องหาทั้ง 2 คนได้ขับรถกระบะ คลุมผ้าใบสีดำบริเวณท้ายรถขับเข้ามายังจุดสกัด ท่าทีมีพิรุธเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการเรียกตรวจหาสารเสพติดปรากฏว่าพบ ปัสสาวะเป็นสีม่วงทั้ง 2 คน เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจค้นรถ พบแผ่นทองเหลือของหม้อแปลงไฟฟ้ากองอยู่ บริเวณกระบะท้ายรถและเครื่องมือเป็นจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง2 คนไปสอบสวนถึงแผ่นทองแดงที่อยู่กระบะหลังรถ ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ตระเวนขับรถหาหม้อแปลงไฟตามสถานที่ต่างๆที่ห่างไกลผู้คน เมื่อพบจะพากันลงมือโดยการใช้ไม้ชักฟิวส์ ยกฟิวส์ออกเพื่อตัดกระแสไฟจากหม้อแปลงไฟ จากนั้นได้พากันปีนเสาไฟขึ้นไปขันน็อตหม้อแปลงไฟฟ้าเพื่อปลดล็อกฐานของหม้อแปลงไฟให้ตกลงมาที่พื้น เพื่อจะใช้แชลงที่เตรียมมางัดฝาออกแล้วช่วยกันงัดแผ่นทองแดงที่อยู่ข้างในนำไปเผาไฟแล้วจะนำไปขายตามร้านรับซื้อของเก่า แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับได้ก่อน
นอกจากนี้ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพด้วยว่า เคยประกอบเหตุเช่นนี้มาแล้วในหลายพื้นที่ ประกอบด้วยในพื้นที่ เขต อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา , บริเวณที่กลับรถของถนนมิตรภาพ , อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา และบริเวณถนนสายปทุมธานี-บางปะหัน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกในการกระผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร และเสพยาเสพติดให้โทษประเภทหนึ่ง (ยาบ้า)โดยผิดกฎหมาย