ศูนย์ข่าวศรีราชา- ผู้สมัครเบอร์ 1 พรรคเพื่อไทย “อดิสร ผลลูกอินทร์” ลุยลงพื้นที่ต่อเนื่อง ตอกย้ำนโยบาย “คิดใหม่ ทำใหม่” ประกาศจุดยืนพร้อมมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาประเทศ
วันนี้ (30 พ.ค.) สำหรับบรรยากาศของการหาเสียงในส่วนของผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในพื้นที่เขต 7 จังหวัดชลบุรี ซึ่งมีผู้สมัครทั้งสิ้นจำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายอดิสร ผลลูกอินทร์ ผู้สมัครเบอร์ 1 จากพรรคเพื่อไทย นางพจนารถ แก้วผลึก ผู้สมัครเบอร์ 10 จากพรรคประชาธิปัตย์ และนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ จากพรรคพลังชล นั้น
ปรากฏว่า บรรยากาศโดยทั่วไปเริ่มความคึกคักและมีสีสันมากยิ่งขึ้น เนื่องจากผู้สมัครจากพรรคต่างๆ พยายามแข่งขันกันลงพื้นที่เพื่อหาเสียงกับพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นในการเดินออกพบปะทักทาย หรือการแห่โชว์ตัวตามแหล่งชุมชนสำคัญเป็นหลัก โดยมีกลยุทธ์และนโยบายในการหาเสียงที่ค่อนข้างแตกต่าง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ นายอดิสร ผลลูกอินทร์ ผู้สมัครเบอร์ 1 จากพรรคเพื่อไทยนั้น ล่าสุด ยังคงนำทีมงานออกย่ำเท้าเพื่อพบปะพี่น้องประชาชนแบบเข้าถึงเช่นเดิม โดยช่วงที่ผ่านมาได้ออกเดินลงพื้นที่ตามแหล่งชุมชน ตลาดเนินพลับหวาน และตลาดไร่วนาสิน ในเขตตำบลหนองปรือ ซึ่งถือว่าเป็นชุมชนที่มีความสำคัญ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่และมีสิทธิ์ มีเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้อยู่เป็นจำนวนมาก
นายอดิสร เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังคงนำทีมงานออกหาเสียงโดยพบกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่างๆแบบเข้าถึงอย่างหนัก เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้มีเวลาในการหาเสียงไม่มากนัก แต่ที่ผ่านมาก็พบว่ามีกระ แสการตอบรับที่ดี เนื่องจากพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่มีเจตจำนงในการปรับเปลี่ยนประเทศให้พ้นจากวิกฤติที่เกิดขึ้นในปัจจุบันด้วยทีมงานคุณภาพ ซึ่งผิดจากพรรคอื่นๆที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพบว่ามีปัญหาพอ สมควรโดยเฉพาะเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน
ขณะที่พรรคใหม่ๆ นั้นก็เน้นแต่เพียงเรื่องของคนท้องถิ่นเป็นหลัก ซึ่งที่จริงแล้วคงจะต้องมีการทำงานควบคู่กันไปทั้งในระดับภูมิภาคและประเทศ เนื่องด้วยคนในเมืองพัทยาเองส่วนใหญ่ก็มีทั้งคนท้องถิ่นและต่างถิ่นที่อยู่รวมกัน เราจึงต้องให้ความสำคัญกับทุกคนโดยไม่แบ่งแยก
อย่างไรก็ตาม ก็คงไม่ประมาท และจะยังคงทำงานต่อไปเช่นเดิม ด้วยการออกหาเสียงที่เน้นการเข้าเยี่ยมเยียนและพบปะพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่เพื่อแนะนำตัวแล้ว สิ่งสำคัญ คือ ยังได้รับข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งแม้ว่าจะไม่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงแต่ก็คงจะรับเรื่องและรวบรวมไว้ เพื่อประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการเข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อแก้ไขต่อไป
