ศูนย์ข่าวภาคเหนือ - 2 ประเทศเจ้าของน่านน้ำโขงเหนือสามเหลี่ยมทองคำปวดขมับ หลังกองกำลังเถื่อนตั้งตัวเป็นโจรสลัดออกปล้นเรือกลางน้ำโขง-จับคนเรียกค่าไถ่ถี่ยิบ เผยพม่า-ลาวตั้งวงถกร่วมหาทางแก้แล้วหลายครั้ง แถมยื่นคำขาดให้วางอาวุธแล้วยังไม่เป็นผล เผยเคยจับคนจีนลูกค้าบ่อนยักษ์เรียกเงินหลายสิบล้านมาแล้ว
รายงานข่าวแจ้งถึงความพยายามแก้ไขปัญหากองกำลังเถื่อนที่ตั้งกลุ่มออกอาละวาดปล้นเรือสินค้า-เรือท่องเที่ยว จับคนเรียกค่าไถ่ ในลำน้ำโขงเหนือสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นเขตน่านน้ำพม่า-ลาว ขึ้นไปจนถึงติดชายแดนจีน โดยก่อเหตุต่อเนื่องหลายครั้งว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ของพม่า และ สปป.ลาว ได้มีการจัดประชุมเรื่องการต่อต้านกลุ่มโจรสลัดลุ่มแม่น้ำโขงมาแล้วหลายครั้ง
ส่วนใหญ่ระบุถึงกลุ่มก่อเหตุเป็นกลุ่มนายหน่อคำ กองกำลังชาวไทใหญ่ ที่อาละวาดหนักมานาน ซึ่งทางการพม่าเคยใช้เฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนจนเห็นบ้านดอนสามปู ห่างจากบ้านโป่ง ไปทางทิศเหนือประมาณ 50 กิโลเมตร และร่วมกันใช้กำลังทหารทั้งพม่า-สปป.ลาว บุกโจมตีจนยับยั้งการออกอาละวาดของกองกำลังกลุ่มนี้ได้ระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ กองบัญชาการกองทัพภาคสามเหลี่ยมของพม่าที่มีกองบัญชาการอยู่ที่เมืองเชียงตุง รัฐฉานภาคตะวันออก ได้ยื่นคำขาดพร้อมกำหนดทางเลือกให้กองกำลังติดอาวุธภายใต้การนำของนายหน่อคำ เจ้าพ่อยาเสพติดแห่งสามเหลี่ยมทองคำ และอดีตหัวหน้ากองกำลังอาสาสมัครใต้กำกับกองทัพพม่าด้วย
ทั้งนี้ ได้กำหนดทางเลือกและขีดเส้นตายให้กองกำลังติดอาวุธกลุ่มของนายหน่อคำ ให้วางอาวุธภายในวันที่ 18 เม.ย. 2554 และว่าหากไม่วางอาวุธก็ให้นำกำลังไปเข้าร่วมกองกำลังว้า UWSA หรือกองทัพรัฐฉาน SSA ของ พล.ท.เจ้ายอดศึก ไม่เช่นนั้นจะถูกปราบปรามกวาดล้างอย่างหนัก แต่จนถึงขณะนี้กลุ่มของนายหน่อคำ ยังไม่ได้วางอาวุธตามที่ถูกขีดเส้นตายไว้ และยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ
สำหรับ กองกำลังติดอาวุธภายใต้การนำของนายหน่อคำ ซึ่งเป็นอดีตนายทหารกองทัพเมืองไตย MTA ของขุนส่า และอดีตหัวหน้ากองกำลังอาสาสมัครใต้กำกับของกองทัพพม่า มักกระทำการเรียกเก็บภาษีเรือลำเลียงสินค้าในแม่น้ำโขง และจับเรียกค่าไถ่ลูกเรือบ่อยครั้ง โดยกลุ่มอ้างว่าเป็นการเก็บค่าคุ้มครองผ่านในพื้นที่
เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2552 กลุ่มของนายหน่อคำ ได้ก่อเหตุโจมตีเรือสินค้าของจีนกลางแม่น้ำโขง ขณะเข้าไปเพื่อหวังเก็บภาษีครั้งหนึ่ง ส่งผลให้ลูกเรือเสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บ 3 คน, วันที่ 4 เม.ย.54 ปล้นเรือบ่อนกาสิโน “คิงโรมัน” ที่ตั้งอยู่บ้านต้นผึ้ง ในฝั่งลาว รวม 3 ลำ และได้จับตัวลูกเรือพร้อมด้วยนักพนันบนเรือจำนวน 19 คน ไปเรียกค่าไถ่คนละ 6 หมื่นหยวน (ราว 2.7 แสนบาท) เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2554 ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2554 นายจ่าวเว่ย เจ้าของบ่อนกาสิโนได้นำเงินจำนวน 25 ล้านบาท ไปไถ่ตัวนักพนันจำนวน 13 คน ขณะนี้ยังเหลือนักพนันรอจ่ายค่าไถ่อยู่อีกจำนวนหนึ่ง
เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2554 กองกำลังกลุ่มหน่อคำ ได้ปะทะกับกองกำลังทหารพม่า-ลาว บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง เหนือสามเหลี่ยมทองคำ ทำให้ทหารพม่า และ สปป.ลาว เสียชีวิต 2 ราย ต่อมาเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2554 ก่อเหตุปล้นเรือหงซิ่ง ที่มีนายเรือชื่อนายไป๋ เสวี่ยวไฉ โดยเป็นเรือขนาดระวางบรรทุกประมาณ 300 ตันกรอส จดทะเบียนที่เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา จีนตอนใต้ หมายเลขทะเบียน 2001 s 6500207 ซึ่งแล่นออกมาจากท่าเรือแม่น้ำโขงที่เมืองสบเหรย เขตปกครองพิเศษที่ 4 ประเทศพม่า ห่างจากประเทศไทยประมาณ 300 กิโลเมตร ซึ่งเมืองท่าดังกล่าว เป็นเมืองท่าสำคัญในการขนส่งสินค้าไปป้อนเมืองลา และส่งต่อเข้าจีน เพราะปัจจุบันถูกทางการจีนปิดพรมแดนพม่า-จีนตอนใต้
ครั้งนี้เรือหงซิ่งไม่ได้บรรทุกสินค้าใดๆ มาด้วย แต่ล่องเรือมาซื้อสินค้าจากประเทศไทยโดยมีกำหนดเทียบท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสน 1 อ.เชียงแสน ช่วงเวลาประมาณเที่ยงวันที่ 17 พ.ค. แต่เมื่อถึงจุดเกิดเหตุกลางแม่น้ำโขงเลยผ่านด่านบ้านโป่ง ประเทศพม่า กับเมืองมอม แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เข้ามาจนห่างจากชายแดนไทยไปทางทิศเหนือประมาณ 7 กิโลเมตร ค่อนไปทางฝั่งลาว ได้มีเรือเล็กเร็วในแม่น้ำโขงจำนวน 3 ลำ ลูกเรือมีอาวุธครบมือแล่นสวนขึ้นไปและทำท่าจะเข้าปิดล้อมด้านหน้า รวมทั้งเข้าประชิดข้างโดยใช้อาวุธปืนข่มขู่ให้นำเรือจอดที่เกาะกลางแม่น้ำโขงเหนือสามเหลี่ยมทองคำขึ้นไป
แต่นายไป๋ และคนเรือได้ตัดสินใจตีฝ่าเรือไปข้างหน้าโดยไม่ยอมจอดเรือ เพราะเกรงจะถูกทำร้าย จึงทำให้เรือคนร้ายแยกออกและหันมาแล่นตาม ก่อนจะใช้อาวุธปืนอาก้ายิงกระหน่ำจากทางด้านหลังแต่ลูกกระสุนไม่ถูกผู้ใด ทำให้เรือสามารถแล่นมาจนถึงท่าเรือของประเทศไทยได้อย่างปลอดภัย