ศุลกากรเชียงแสนนัดแจงวันนี้ หลังเจอ ตร.น้ำจับไม้คาท่าเรือน้ำโขง

เชียงราย - ศูลกากรเชียงแสนนัดตั้งโต๊ะแถลงวันนี้ (19 พ.ค.) แจ้งพร้อมโชว์ผลงาน หลังเจอตำรวจน้ำบุกตรวจจับไม้เถื่อนคาท่าเรือกว่า 1,000 ท่อน มูลค่ากว่า 100 ล้าน

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า หลังสถานีตำรวจน้ำ อ.เชียงแสน (ส.รน.1 กก.11 บก.รน.) ได้ร่วมกับทหารเรือจากหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย ได้เข้าตรวจสอบท่อนไม้ ประมาณ 1,000 ท่อนมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ภายในท่าเรือเชียงแสน 1 ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย อ.เชียงแสน โดยเป็นไม้ที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบและถูกวางเตรียมขนลงเรือบนท่าเรือ รถบรรทุก และส่วนหนึ่งขนลงเรือสินค้าจีน เพื่อเตรียมนำไปจำหน่ายที่ประเทศจีนแล้ว

ตำรวจน้ำระบุว่า เข้าไปตรวจสอบความถูกต้องของไม้ที่ส่งออกตามหน้าที่ และช่วงตรวจสอบปรากฏว่า ไม่พบผู้แสดงตัวเป็นเจ้าของและไม่พบเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องชี้แจงรายละเอียด ทำให้เจ้าหน้าที่สงสัยว่าจะมีการส่งออกไม่ถูกต้องหรือปลอมปนไม้ต้องห้าม เช่น ไม้พะยูง ฯลฯ จึงส่งเรื่องให้ พ.ต.ท.เอกทัศน์ ไชยพรหม สารวัตรเวร สภ.เชีงยแสน ดำเนินการตามขั้นตอนนั้น

ล่าสุด นายสุรชาติ จันทวัชรากร นายด่านศุลกากรเชียงแสน ได้แจ้งผ่านไปยังสื่อมวลชนในพื้นที่ทุกแขนงว่าจะมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับประชาสัมพันธ์ผลงานการดำเนินการของด่านศุลกากรเชียงแสน ในด้านการจัดเก็บรายได้ การจับกุมของลักลอบหนีศุลกากร การทำลายของกลางซึ่งเป็นของละเมิดลิขสิทธิ์ หรือเครื่องหมายการค้า

พร้อมกับชี้แจงการขนส่งสินค้าผ่านแดน ซึ่งคือไม้ที่ถูกตรวจยึดโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำและ นรข.เขตเชียงราย ดังกล่าวด้วย โดยมีรายงานว่า จะเป็นไปทางที่ไม่สอดคล้องกับการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ทั้งสองหน่วยข้างต้นมากนัก ทั้งนี้การแถลงข่าวกำหนดให้มีขึ้นวันนี้ (19 พ.ค.54) ณ ที่ทำการด่านศุลกากรเชียงแสน

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ธนิวัฒน์ หิรัญเชวงศักดิ์ สารวัตรตำรวจน้ำเชียงแสน ให้เหตุผลว่า การที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบไม้ เพราะเห็นว่ามีการส่งออกเป็นจำนวนมากและอาจมีหลายชนิดที่รวมกันมา ช่วงตรวจสอบก็ไม่มีการชี้แจงที่มาของไม้และเอกสารการส่งออก หรือขบวนการในการผ่านพิธีการศุลกากรที่ชัดเจนจึงได้ดำเนินการดังกล่าว

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หลังการตรวจยึดไปตรวจสอบได้มีเจ้าหน้าที่ป่านำเอกสารเข้าไปชี้แจงเกี่ยวกับที่มาของไม้ว่ามีความถูกต้องเช่นกันแต่ได้ดำเนินการหลังจากทางฝ่ายตรวจสอบได้เข้าไปดำเนินการแล้ว ทำให้ยังเป็นที่สงสัยกันโดยทั่วไปว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นจึงมีปัญหาดังกล่าว