พิษณุโลก - แกนนำเครือข่ายลุ่มน้ำชมพู โวยเจ้าหน้าที่รัฐสองมาตรฐาน เตรียมออกโฉนดให้กับนายทุนทำเหมืองหิน ยื่นหลักฐาน “ใบไต่สวน” แก่รองผู้ว่าฯสองแคว ลั่น! ถ้าออกโฉนดในป่าสงวนเขตป่าสงวนลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้ายให้นายได้ ชาวบ้านก็มีสิทธิ์ได้เช่นกัน
วันนี้ (18 พ.ค.) นายโม คำคูณ ประธานเครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำชมพูและกลุ่มคนอำเภอเนินมะปรางประมาณ 50 คน เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เพื่อเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัด ทวงถามความคืบหน้าคดีแกนนำเครือข่ายลุ่มน้ำชมพู ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งในวันที่ 17 พฤษภาคม ของทุกปี ชาวบ้านจะรวมตัวกันมาสอบถามความคืบหน้าจากทางจังหวัดตลอด ต่อมานายนริศ ปิยพฤทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้มารับเรื่องราวร้องเรียนแทน
แต่คราวนี้กลุ่มชาวบ้านลุ่มน้ำชมพู ได้ใช้โอกาสนี้คัดค้านโรงโม่หินในพื้นที่ อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ที่เตรียมเข้ามาลงทุนใหม่, คัดค้าน ไม่เอาเหมืองทองคำ หลังจากมีบริษัทลูกของอัคราไมนิ่ง เริ่มสำรวจตามใบประทานบัตรเหมืองแร่ทองคำ, ปัญหาผลกระทบกับการสร้างอ่างเก็บน้ำคลองชมพู
พร้อมกับส่งหนังสือร้องเรียนเรื่อง “สำเนาเอกสารสิทธิที่ดิน นส.5 รังวัดออกโฉนดตกค้างตามคำขอ ฉบับที่ 950/4142/53 ลว./25 พฤษภาคม 2553 ของนายอมาณัติ น้อยวงศ์ หมู่ 1 ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ด้วย
โดยระบุว่า เครือข่ายลุ่มน้ำชมพู ตั้งขึ้นมีวัตถุประสงค์อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ แต่จากการตรวจสอบบริเวณเทือกเขาหินผาแดงรังกาย ทราบว่า มีการขออนุญาตออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ เพื่อเตรียมการระเบิดหินและย่อยหิน ของนายอมาณัติ น้อยวงศ์แทนจากเจ้าของเดิม ซึ่งเป็นของบริษัทอนุมัติการศิลา และพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้าย อันมีที่มาสลับซับซ้อน จึงขอให้หัวหน้าสำนักงานที่ดินจังหวัดพิษณุโลก สาขาวังทอง ตรวจสอบที่มาแห่งเอกสารสิทธิ อันจะนำไปสู่ความสุจริตและโปร่งใส พร้อมกับแนบใบไต่สวน หน้าสำรวจ 4959 จำนวน 28 ไร่ 1 งาน 49 วา
นายโม คำคูณ ประธานเครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำชมพู เปิดเผยว่า ตนและกลุ่มลุ่มน้ำชมพูเดินทางมาเรียกร้องใน 5 ข้อทั้งเรื่องเดิมและเรื่องใหม่ คือ ความไม่เป็นธรรมของการออกโฉนดโดยมิชอบของกลุ่มนายทุน ที่พยายามออกโฉนดเพื่อแปลงสภาพ ระเบิดหิน เพราะหวั่นว่า จะกระทบสิ่งแวดล้อม
“ตนไม่คัดค้านการออกโฉนดของนายทุนคนดังกล่าว แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ ที่ดินต้องการออกโฉนดจริงๆ ก็ควรออกโฉนดให้กับชาวบ้านด้วย เพราะที่ดินของคนเนินมะปรางยังมีอีกมากที่ไม่มีเอกสารสิทธิ”