สุรินทร์-คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภาลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดน จ.สุรินทร์ เสนอชี้แจงวุฒิสภาฝรั่งเศส ในวันที่ 24 พ.ค.นี้ เพื่อแก้ไขปัญหามรดกโลก
วันนี้ (18 พ.ค.) เวลา 09.30 น. คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา นำโดยนางพิกุลแก้ว ไกรฤกษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ได้เดินทางมายังห้องประชุมกองกำลังสุรนารี อ.เมือง จ.สุรินทร์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปรายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กรณีเกิดการปะทะตามแนวชาแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.พนมดงรัก และอ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ในช่วงที่ผ่านมา
โดยมีนายเสริม ไชยณรงค์ ผวจ.สุรินทร์ และ พ.อ.นรากร ธรรมวินทร รอง ผบ.กองกำลังสุรนารี เป็นผู้บรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดน ก่อนที่คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา จะเดินทางลงพื้นที่หมู่บ้านตามแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมกับตรวจสอบชีวิตความเป็นอยู่จากชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อรวบรวมข้อมูลและผลกระทบที่เกิดขึ้น เสนอและชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสภาสูงสุดของฝรั่งเศส และองค์การยูเนสโก้ ในวันที่ 24 พ.ค.54 อีกทั้งกัมพูชายังเคยเป็นประเทศในอาณานิคมของฝรั่งเศส อีกด้วย
นางพิกุลแก้ว ไกรฤกษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา กล่าวว่า ปัญหาแนวชายแดนเกี่ยงข้องโดยตรงกับงานของคณะกรรมาธิการการต่างประเทศอยู่แล้ว ขณะเดียวกันเราก็ได้ติดตามเรื่องที่กัมพูชาเสนอเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกันกับประเทศไทย และราษฏรในพื้นที่ก็ไม่สามารถที่จะแยกได้เลยว่าใครเป็นใครและวัฒนธรรมก็เชื่อมโยงกัน
ด้วยเหตุนี้จึงเห็นว่าน่าจะเป็นมรดกโลกร่วมกัน ซึ่งก็มีเรื่องถึงศาลโลก เราจึงต้องลงพื้นที่มาดูสถานการณ์ และเพื่อเยี่ยมเยียนชาวบ้านพร้อมให้กำลังใจ และขอข้อมูลนำไปศึกษาต่อ โดยจะได้เดินทางไปประเทศฝรั่งเศส ในวันที่ 24 พ.ค. เพื่อชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ของรัฐสาฝรั่งเศส ทราบถึงพื้นที่และความผูกพันของประชาชน 2 ประเทศ เพื่อให้ทราบ
ทั้งนี้จะนำทั้งเสียงและภาพของชาวบ้านในพื้นที่ไปเสนอชี้แจงด้วย ซึ่งตนคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะที่ผ่านมามีแต่ฝ่ายปกครอง ในระดับรัฐบาลเท่านั้นที่พยายามชี้แจงและแก้ปัญหา แต่ด้านฝ่ายนิติบัญญัติที่ยังไม่ได้มีการเข้ามา จึงนำคณะลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อร่วมแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ชายแดนได้เงียบสงบลงกว่าครึ่งเดือน แต่ทหารยังตรึงกำลังตลอดแนวชายแดนเพื่อความไม่ประมาท ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารอนุญาตให้ชาวบ้านออกทำไร่-ทำสวนได้แล้ว โดยเฉพาะประชาชนที่ต้องการเดินทางออกไปกรีดยางพารา ตั้งแต่ เวลา 02.00 น.ของทุกวัน สามารถขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษจากเจ้าหน้าที่ทหารได้ พร้อมทั้งกำชับการเดินทางไปประกอบอาชีพตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประชาชนต้องพกบัตรประชาชนหรือบัตรเหลืองด้วยทุกครั้ง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังต้องเข้มงวดในการเข้าออกหมู่บ้าน เนื่องจากสถานการณ์ชายแดนยังมีการตรึงกำลังทหารไว้ตลอดแนวชายแดน เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ