สระบุรี - ลูกสาวกอดรูปแม่ร่ำไห้ร้องสื่อขอความเป็นธรรมแม่เสียชีวิต-ป้าบาดเจ็บจากอุบัติเหตุถูกรถเก๋งทับซี่โครง-แขนหัก แต่พอตรวจสอบหลักฐานจาก รพ.เพื่อไปขอใบมรณบัตรกลับพบการออกใบรับรองการเสียชีวิตของมารดาไม่ถูกต้อง และมีพิรุธในใบรับรองมีรอยขีดฆ่าหลายครั้ง ซึ่งอาจทำให้ชวดเงินประกันได้ เตรียมนำศพร้อง “หมอพรทิพย์” ผ่าพิสูจน์ ด้านทีมแพทย์ยันทำตามหลักการแพทย์ทุกอย่าง และยินดีให้มีการชันสูตร พร้อมกับอ้างว่าใบรับรองการตายไม่มีผลต่อคดี และการรับเงินประกัน
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (10 พ.ค.) ที่ศาลาบำเพ็ญกุศลศพวัดเชิงเขา (เขาดิน) ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี นางสุณีย์ ถ้วยทอง อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121/7 ซ.7 ถ.พหลโยธิน ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี และญาติได้ร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนใน จ.สระบุรี ว่า นางจำลอง กุลน้อย อายุ 60 ปี มารดาตนได้เสียชีวิตและตั้งศพสวดพระอภิธรรมอยู่ขณะนี้ประสบอุบัติเหตุถึงแก่ความตาย แต่ทางโรงพยาบาลศูนย์สระบุรี กลับระบุในใบรับรองการตายว่า “เกิดจากไตวายเฉียบพลัน” และ “หัวใจหยุดเต้นฉับพลัน” ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
การที่แพทย์ระบุกรณีการเสียชีวิตเช่นนั้น อาจจะมีผลต่อรูปคดีและการขอรับเงินประกันต่อไปด้วย ขณะที่ นางนกแก้ว กุลน้อย อายุ 67 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ผู้ตายก็ได้รับบาดเจ็บที่หลังก้นและที่แขนยังมีการเข้าเฝือกอ่อนอยู่ด้วย
โดย นางสุณีย์ ลูกสาวผู้ตายเล่าเหตุการณ์ว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.54 เวลา 12.00 น.นางจำลอง กุลน้อย ผู้เป็นแม่ ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟิโน่ ทะเบียน ขฉต 246 สระบุรี มีนางนกแก้ว (ป้า) นั่งซ้อนท้ายพากันขับขี่เพื่อไปจ่ายตลาดสุขุมาลย์ในตัวเมืองสระบุรี เมื่อมาถึงหน้าร้านอาหารไวท์เฮ้าท์ ถนนบายพาสตัดใหม่ หรือถนนบันเทิง ได้มีรถยนต์เก๋งฮอนด้าซีวิค สีบรอนซ์ทะเบียน ชม 1962 กทม.เลี้ยวกลับรถกะทันหัน ทำให้รถจักรยานยนต์ของนางจำลอง พุ่งชนอย่างแรง และเสียหลักเข้าไปใต้ท้องรถถูกล้อรถทับที่ลำตัว จนกระดูกแขนซ้ายหัก ซี่โครงด้านขวาซี่ที่ 3-6 หัก
ส่วน นางนกแก้ว ไหล่ขวา แขนขวาหัก และถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์สระบุรี ทราบชื่อคนขับรถเก๋งคันดังกล่าว คือ นายวิทยา โฆษา อายุ 24 ปี อยู่ที่ 108 ม.3 ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี โดยคดีนี้มี ร.ต.อ.ศุภากร วงศ์ถาแพง เป็นร้อยเวร มาตรวจที่เกิดเหตุ
โดย นางนกแก้ว ผู้เป็นป้าและได้รับบาดเจ็บนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์สระบุรีได้ 7 วัน แพทย์ให้กลับบ้านได้ ส่วน นางจำลอง ผุ้เป็นแม่อยู่โรงพยาบาลได้ 10 วัน จนถึงวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมาเวลา 12.00 น.แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่อยู่ที่บ้านเพียงชั่วโมงเศษ นางจำลอง ก็เกิดอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก จึงได้รีบช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลสระบุรีอีกครั้ง และในขณะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยญาติได้พยายามแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ว่า คนป่วย มีซี่โครงหัก แขนหัก ขอให้ระมัดระวัง แต่เจ้าหน้าที่กลับทำรุนแรงเป็นเหตุให้คนไข้ช็อก เจ้าหน้าที่จึงได้รีบช่วยกันปั๊มหัวใจ ซึ่งญาติเชื่อว่าอาจเป็นการซ้ำเติมอาการบาดเจ็บซี่โครงหักที่มีอยู่ก่อนแล้ว จนกระทั่งเวลา 19.45 น.ค่ำวันเดียวกัน นางจำลอง ก็เสียชีวิต
ต่อมาญาติจึงนำศพมาตั้งบำเพ็ญการกุศลที่วัดเชิงเขา กำหนดฌาปนกิจศพเมื่อเย็นวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้านั้น ได้นำใบรับรองผลการเสียชีวิตจากโรงพยาบาลศูนย์สระบุรี เพื่อไปเป็นหลักฐานขอออกใบมรณบัตรจากทางราชการ มอบให้กับสัปเหร่อของวัดตามขั้นตอน แต่เมื่ออ่านดูกันแล้วกลับพบว่า แพทย์ได้ระบุในใบรับรองการเสียชีวิตว่า “ไตวาย และหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน” มิใช่เสียชีวิตที่สืบเนื่องมาจากอุบัติเหตุแต่อย่างใด ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหากับทางบริษัทประกันชีวิตได้
ดังนั้น ญาติจึงปรึกษาหารือกันและระงับการเผาศพไว้ก่อน โดยจะร้องขอให้แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ช่วยเหลือชันสูตรศพหาสาเหตุการเสียชีวิตของนางจำลอง ที่แท้จริง เพราะทุกคนเห็นตรงกันว่า นางจำลอง ไม่ได้มีโรคประจำตัวใดๆ มาก่อน การเสียชีวิตในครั้งนี้มีสาเหตุมาจากการเกิดอุบัติเหตุอย่างแน่นอน
ขณะที่ทางด้านทีมแพทย์โรงพยาบาลศูนย์สระบุรี ประกอบด้วย นพ.อารักษ์ แก่นเพิ่ม (ศัลย์) นพ.ประพงษ์ วงศ์ระวีกุล (ศัลย์) พญ.อรุณี สิงห์เสน่ห์ (กายวิภาค) พญ.พนิดา มุกดีพร้อม (พ.รังสีวิทยา) ได้ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงว่า กรณีผู้ป่วยรายนางจำลอง กุลน้อย นี้ เบื้องต้นประสบอุบัติเหตุมาพักรักษาอยู่ภายในโรงพยาบาลหลายวันจนอาการดีขึ้น แพทย์จึงอนุญาตให้ไปรักษาต่อที่บ้าน
แต่เมื่ออาการทรุดหนัก จึงถูกนำส่งโรงพยาบาลเป็นรอบที่สอง ผลการตรวจตามสภาพ ณ เวลานั้น เมื่อคนไข้ช็อกแพทย์จึงต้องพยายามช่วยชีวิตคนไข้ โดยใช้วิธีทางการแพทย์ คือ กดมือและปั๊มที่หน้าอก โดยมิได้กังวลว่าจะประสบอุบัติเหตุหรือมีโรคใดๆ มาก่อน ซึ่งก็เป็นวิธีการตามหลักสากลทั่วไปอยู่แล้ว
“ส่วนที่ญาติผู้เสียชีวิตข้องใจในใบรับรองการเสียชีวิตที่ระบุการเสียชีวิตจากไตวายและหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน โดยไม่ได้ระบุการเสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุ และแพทย์ขอยืนยันว่า ใบรับรองผลการเสียชีวิตไม่สามารถนำไปเป็นผลทางคดีเพื่อขอรับเงินประกันชีวิตได้ ซึ่งข้อเท็จจริงนั้นเมื่อเป็นผลทางคดีขึ้นแล้วต้องมีการชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงก่อน คือ การผ่าตัดพิสูจน์ และทีมแพทย์ก็ได้แนะนำให้ญาติๆ เข้าสู่กระบวนการพิสูจน์โดยให้แพทย์โรงพยาบาลสระบุรี เป็นผู้ดำเนินการก็ได้ แต่ญาติของผู้ตายไม่ยินยอมและหากพบว่าทางคณะแพทย์ หรือทางโรงพยาบาลสระบุรีบกพร่องก็ยินดีจะรับผิดชอบ”