เพชรบุรี - สสจ.เพชรบุรี จัดพิธีลงนามพันธะสัญญา ประกาศให้จังหวัดเพชรบุรี เป็นจังหวัดไอโอดีน เพื่อสนองพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
วันนี้ (6 พ.ค.) ที่ห้องประชุม 3 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี นายชุมพร แสงมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เป็นประธานในพิธีลงนามพันธะสัญญา ประกาศให้จังหวัดเพชรบุรีเป็นจังหวัดไอโอดีน พร้อมด้วยผู้แทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก
โดยก่อนเริ่มพิธีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี พร้อมหัวหน้าส่วนราชการได้ร่วมกันลงนามพันธะสัญญาเพื่อประกาศให้จังหวัดเพชรบุรี เป็นจังหวัดไอโอดีน โดยจะขจัดโรคขาดสารไอโอดีนให้หมดสิ้นไปจากจังหวัด ด้วยการขับเคลื่อนนโยบายเกลือเสริมไอโอดีนถ้วนหน้าเพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มวัยได้เข้าถึงแหล่งอาหารที่มีไอโอดีน
สำหรับการควบคุมป้องกันโรคขาดสารไอโอดีนเป็นโครงการพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระทัยและพระราชทานพระราชดำริในเรื่องนี้อยู่เสมอ เนื่องจากการขาดสารไปโอดีนยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศและมีผลกระทบร้ายแรงต่อการกระดมสรรพกำลังด้านสมองของผู้บริหารองค์กรและเพิ่มกลยุทธ์ในการดำเนินงานควบคุมป้องกันโรคขาดสารไอโอดีนของจังหวัดอย่างต่อเนื่อง
นายชุมพร แสงมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า จากการสำรวจพบว่าจังหวัดเพชรบุรีมีพื้นที่ทำนาเกลือมากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งประชาชนไม่น่าจะมีการขาดสารไอโอดีน แต่ทั้งนี้ได้รับข้อมูลจากสำนักงานสาธารณสุขว่าจากการตรวจสอบโดยการเจาะเลือดจากส้นเท้าของเด็กแรกเกิดกลับพบว่ามีอัตราการขาดสารไปโอดีนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องมีการกระตุ้นและส่งเสริมให้ชาวจังหวัดเพชรบุรีรับประทานเกลือไอโอดีนเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันจากการเกิดโรคโปลิโอที่เกิดจากการขาดสารไอโอดีน
สำหรับการจัดงานดังกล่าวสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการรณรงค์สร้างกระแส ความรู้ ความเข้าใจและความตระหนักเรื่องไอโอดีนที่มีผลต่อพัฒนาการสมวัยและสติปัญญา รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้ผู้บริหารองค์กร ช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายเกลือเสริมไอโอดีนถ้วนหน้าสู่การปฏิบัติอย่างต่อเนื่องมีประสิทธิภาพในทุกชุมชน หมู่บ้าน และเป็นการส่งเสริมให้ผู้นำองค์กรสนับสนุนให้ประชาชนในพื้นที่ตนเองใช้เกลือเสริมไอโอดีนและผลิตภัณฑ์เสริมไอโอดีนให้อยู่ในวิถีชีวิตของประชาชนทุกกลุ่มวัยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อได้บรรลุตามเจตนารมณ์ของ จังหวัดไอโอดีน โดยนำมาตรการหลักการควบคุมป้องกันโรคขาดสารไอโอดีน คือส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดนโยบายเกลือเสริมไอโอดีนถ้วนหน้า และการเสริมไอโอดีนในน้ำดื่ม อีกทั้งยังมีการจ่ายยาเม็ดเสริมไอโอดีนให้กับหญิงตั้งครรภ์ทุกรายอีกด้วย
ส่วนโรคขาดสารไอโอดีนเป็นปัญหาสาธารสุขที่สำคัญของประเทศ ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการพัฒนาสติปัญญาเด็กไทยและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ผลการสำรวจไอโอดีนในปัสสาวะของหญิงตั้งครรภ์ ปี 2552 ของกรมอนามัยพบว่าร้อยละ 59 ของหญิงตั้งครรภ์มีปัญหาการขาดสารไอโอดีนเกือบทุกจังหวัดในประเทศไทยเป็นพื้นที่ขาดสารไปโอดีนเนื่องจากมีจำนวนทารกแรกเกิดที่มีระดับฮอร์โมนกระตุ้นต่อมธัยรอยด์มากกว่า 11.2 มิลลิยูนิต ต่อลิตร เกินร้อยละ 3 และข้อมูลการสำรวจระดับไอคิวของเด็กไทยปี 2552 โดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขจากกลุ่มตัวย่าง 6,000 คน ใน 21 จังหวัด พบไปคิวเฉลี่ย 91 จุด ซึ่งค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับไอคิวเฉลี่ยปรกติ 90-110 จุด
ขณะเดียวกันผลสำรวจพัฒนาการสมวัยในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีของกรมอนามัยพบมีพัฒนาการสมวัยลดลงจากร้อยละ 72 ปี ใน2547 และเหลือร้อยละ 67 ในปี 2550 นอกจากนี้การเข้าถึงเกลือเสริมไปโอดีนคุณภาพของครัวเรือนไทยยังต่ำกว่าเป้าหมาย โดยองค์การอนามัยโลกกำหนดความคอบคลุมขอครัวเรือนที่มีการใช้เกลือเสริมไอโอดีนคุณภาพร้อยละ 90 ขึ้นไป จากการสำรวจของกรมอนามัยปี 2552 ระบุว่าครัวเรือนไทยมีการใช้เกลือเสริมไอโอดีนคุณภาพเพียงร้อยละ 77.4 เท่านั้น
