ศูนย์ข่าวศรีราชา - คณะอนุกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมและภัยธรรมชาติสภาผู้แทนราษฎร เตรียมลงพื้นที่จังหวัดชลบุรีดูปัญหาเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม หลัง ปชช.ร้องเรียนในพื้นที่อำเภอเกาะโพธิ์ มีโรงงานอุตฯลอบปล่อยน้ำเสียและส่งเกลิ่นเหม็นรวมทั้งยังมีการขยายพื้นที่อุตสาหกรรมไปในพื้นที่เกษตรกรรม
นายสนธิ คชวัฒน์ เลขาอนุกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมและภัยธรรมชาติวุฒิสภา เผยว่า ในวันที่ 18 -19 พ.ค.54 ทางคณะอนุกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมและภัยธรรมชาติ สภาผู้แทนราษฎรจะลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี โดยในวันที่ 18 พ.ค.54 จะไปที่อำเภอเกาะโพธิ์ เนื่องจากมีประชาชนทำหนังสือร้องเรียนมายังคณะกรรมาธิการฯว่า ในพื้นที่ดังกล่าวมีโรงงานอุตสาหกรรมลักลอบปล่อยน้ำเสียและส่งเกลิ่นเหม็น รวมทั้งยังมีการขยายพื้นที่อุตสาหกรรมไปในพื้นที่เกษตรกรรม
และในวันที่ 19 พ.ค.54 จะเดินทางไปที่เทศบาลเมืองแหลมฉบัง ไปดูเรื่องบ่อบำบัดน้ำเสียของเทศบาลนครแหลมฉบัง เนื่องจากในปัจจุบันโครงการระบบบำบัดน้ำเสียของเทศบาล นครแหลมฉบัง ไม่ได้ใช้งานเลยหลังจากที่ได้เริ่มใช้ในช่วงแรกของโครงการแล้วเสร็จ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ใช้งานอีกเลย
นอกจากนี้ จะไปหารือกับทางเทศบาลนครแหลมฉบัง ในเรื่องของการทำโครงการเมืองน่าอยู่คู่นิคมอุตสาหกรรม พร้อมทั้งจะให้ทางเทศบาลนครแหลมฉบัง จัดทำนโยบายด้านความรับผิดชอบของโรงงานอุตสาหกรรมต่อสังคม (CHR) รวมถึงในเรื่องของการขยายท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ในช่วงบ่าย จะเดินทางไปยังท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 เนื่องจากมีชาวบ้านในพื้นที่ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังคณะอนุกรรมมาธิการฯว่า หากมีการขยายท่าเรือแหลมฉบังในเฟส 3จะได้รับความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพ และสภาพแวดล้อมจากการก่อสร้างโครงการดังกล่าว
และที่สำคัญท่าเรือแหลมฉบังยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น และสิ่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ใน เฟส1 และ เฟส 2 ได้เลย ซึ่งหากทางท่าเรือจะต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หลังจากนี้จะต้องทำทั้งโครงการ ไม่ใช่ ทำแบบแบ่งเฟต เพราะของเก่ายังไม่สามารถแก้ไข้ปัญหาได้ แล้วจะเริ่มโครงการใหม่ คงจะไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง
นายสนธิ คชวัฒน์ เลขาอนุกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมและภัยธรรมชาติวุฒิสภา เผยว่า ในวันที่ 18 -19 พ.ค.54 ทางคณะอนุกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมและภัยธรรมชาติ สภาผู้แทนราษฎรจะลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี โดยในวันที่ 18 พ.ค.54 จะไปที่อำเภอเกาะโพธิ์ เนื่องจากมีประชาชนทำหนังสือร้องเรียนมายังคณะกรรมาธิการฯว่า ในพื้นที่ดังกล่าวมีโรงงานอุตสาหกรรมลักลอบปล่อยน้ำเสียและส่งเกลิ่นเหม็น รวมทั้งยังมีการขยายพื้นที่อุตสาหกรรมไปในพื้นที่เกษตรกรรม
และในวันที่ 19 พ.ค.54 จะเดินทางไปที่เทศบาลเมืองแหลมฉบัง ไปดูเรื่องบ่อบำบัดน้ำเสียของเทศบาลนครแหลมฉบัง เนื่องจากในปัจจุบันโครงการระบบบำบัดน้ำเสียของเทศบาล นครแหลมฉบัง ไม่ได้ใช้งานเลยหลังจากที่ได้เริ่มใช้ในช่วงแรกของโครงการแล้วเสร็จ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ใช้งานอีกเลย
นอกจากนี้ จะไปหารือกับทางเทศบาลนครแหลมฉบัง ในเรื่องของการทำโครงการเมืองน่าอยู่คู่นิคมอุตสาหกรรม พร้อมทั้งจะให้ทางเทศบาลนครแหลมฉบัง จัดทำนโยบายด้านความรับผิดชอบของโรงงานอุตสาหกรรมต่อสังคม (CHR) รวมถึงในเรื่องของการขยายท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ในช่วงบ่าย จะเดินทางไปยังท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 เนื่องจากมีชาวบ้านในพื้นที่ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังคณะอนุกรรมมาธิการฯว่า หากมีการขยายท่าเรือแหลมฉบังในเฟส 3จะได้รับความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพ และสภาพแวดล้อมจากการก่อสร้างโครงการดังกล่าว
และที่สำคัญท่าเรือแหลมฉบังยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น และสิ่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ใน เฟส1 และ เฟส 2 ได้เลย ซึ่งหากทางท่าเรือจะต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หลังจากนี้จะต้องทำทั้งโครงการ ไม่ใช่ ทำแบบแบ่งเฟต เพราะของเก่ายังไม่สามารถแก้ไข้ปัญหาได้ แล้วจะเริ่มโครงการใหม่ คงจะไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง
