ศูนย์ข่าวศรีราชา - รองนายกเมืองพัทยาลงพื้นที่ตรวจสภาพชายหาดวงศ์อมาตย์ หลังพบน้ำทะเลกัดเซาะอย่างรุนแรงจนหมดสภาพ เตรียมเร่งทำการปรับปรุงแก้ไขตลอดแนวชายหาด คาดว่าใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท
วันนี้ (5 พ.ค.) นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเดินทางไปตรวจสอบสภาพชายหาดวงศ์อมาตย์ เมืองพัทยา หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากกว่า ปัจจุบันสภาพชายหาดบริเวณดังกล่าว ถูกน้ำทะเลกัดเซาะอย่างรุนแรง ทำให้ชาย หาดไม่เหลือสภาพความสวยงาม
นอกจากนั้น แนวฟุตปาททางเท้าและท่อระบายน้ำริมหาดที่เมืองพัทยาได้ดำเนินการก่อสร้างไว้เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียลงสู่ทะเลนั้น มีสภาพชำรุดทรุดโทรมจากการถูกกัดเซาะเป็นอย่างมากเช่นกัน โดยเฉพาะบริเวณทิศเหนือจากพื้นที่หัวหาดที่มีความเสียหายเป็นระยะทางยาวกว่า 250 เมตร
นายรณกิจ กล่าวว่า เรื่องนี้ถือว่าสร้างความเสียหายต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เนื่องจากชายหาดถูกกัดเซาะอย่างรุนแรง จนระดับน้ำทะเลขึ้นสูงถึงแนวกันคลื่น ทางเท้าสาธารณะและแนวท่อในการรองรับน้ำเสียที่เมืองพัทยาได้ดำเนินการก่อสร้างไว้ ซึ่งจากการตรวจสอบสภาพปัญหาพบว่าช่วงบริเวณหัวหาดนั้นไม่สามารถประกอบกิจกรรมทางการท่องเที่ยวได้อย่างเด็ดขาด โดยขณะนี้ได้ทำการสำรวจและมอบหมายให้ทางผู้เกี่ยวข้องทำการออกแบบและประมาณการก่อสร้างเพื่อแก้ไขเร่งด่วน
สำหรับการแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ คาดว่า จะใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาทในการแก้ไขตลอดแนว อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักของปัญหานั้น เกิดจากเรื่องของการกัดเซาะชายหาดของน้ำทะเลคล้ายกับพื้นที่ของชายหาดพัทยา ซึ่งปัจจุบันกำลังมีการดำเนินการศึกษาและวางแผนแม่บทในการถมทราย ซึ่งจะได้นำกรณีของชายหาดวงศ์อมาตย์เข้าหารือต่อนายกเมืองพัทยา เพื่อพิจารณาว่าจะนำสภาพปัญหาดังกล่าวไปผนวกรวมกับโครงการที่ได้จัดทำไว้ เพื่อให้การแก้ไขเป็นไปอย่างสมบูรณ์และเป็นรูปธรรมต่อไป
วันนี้ (5 พ.ค.) นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเดินทางไปตรวจสอบสภาพชายหาดวงศ์อมาตย์ เมืองพัทยา หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากกว่า ปัจจุบันสภาพชายหาดบริเวณดังกล่าว ถูกน้ำทะเลกัดเซาะอย่างรุนแรง ทำให้ชาย หาดไม่เหลือสภาพความสวยงาม
นอกจากนั้น แนวฟุตปาททางเท้าและท่อระบายน้ำริมหาดที่เมืองพัทยาได้ดำเนินการก่อสร้างไว้เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียลงสู่ทะเลนั้น มีสภาพชำรุดทรุดโทรมจากการถูกกัดเซาะเป็นอย่างมากเช่นกัน โดยเฉพาะบริเวณทิศเหนือจากพื้นที่หัวหาดที่มีความเสียหายเป็นระยะทางยาวกว่า 250 เมตร
นายรณกิจ กล่าวว่า เรื่องนี้ถือว่าสร้างความเสียหายต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เนื่องจากชายหาดถูกกัดเซาะอย่างรุนแรง จนระดับน้ำทะเลขึ้นสูงถึงแนวกันคลื่น ทางเท้าสาธารณะและแนวท่อในการรองรับน้ำเสียที่เมืองพัทยาได้ดำเนินการก่อสร้างไว้ ซึ่งจากการตรวจสอบสภาพปัญหาพบว่าช่วงบริเวณหัวหาดนั้นไม่สามารถประกอบกิจกรรมทางการท่องเที่ยวได้อย่างเด็ดขาด โดยขณะนี้ได้ทำการสำรวจและมอบหมายให้ทางผู้เกี่ยวข้องทำการออกแบบและประมาณการก่อสร้างเพื่อแก้ไขเร่งด่วน
สำหรับการแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ คาดว่า จะใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาทในการแก้ไขตลอดแนว อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักของปัญหานั้น เกิดจากเรื่องของการกัดเซาะชายหาดของน้ำทะเลคล้ายกับพื้นที่ของชายหาดพัทยา ซึ่งปัจจุบันกำลังมีการดำเนินการศึกษาและวางแผนแม่บทในการถมทราย ซึ่งจะได้นำกรณีของชายหาดวงศ์อมาตย์เข้าหารือต่อนายกเมืองพัทยา เพื่อพิจารณาว่าจะนำสภาพปัญหาดังกล่าวไปผนวกรวมกับโครงการที่ได้จัดทำไว้ เพื่อให้การแก้ไขเป็นไปอย่างสมบูรณ์และเป็นรูปธรรมต่อไป