ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้ว่าฯ เชียงใหม่เดินหน้าโครงการ “นครที่เป็นที่สุดแห่งความสง่างามทางวัฒนธรรม” หลัง ครม.เห็นชอบแล้ว แย้มเตรียมตั้งคณะกรรมการ-ภายใน 1-2 เดือน เริ่มเห็นผลงาน เผยทำเพราะประเพณีวัฒนธรรมถูกละเลย-หลงลืมต้องช่วยกันรักษา ยันไม่ใช่การบังคับแต่จะขอความร่วมมือประชาชน พร้อมเล็งจัดการ “สาวคาราโอเกะโบกรถ” ด้วย เหตุประพฤติไม่เหมาะสมกับดินแดนวัฒนธรรม
วันนี้ (5 พ.ค.) หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงโครงการเชียงใหม่ : นครที่เป็นที่สุดแห่งความสง่างามทางวัฒนธรรม ภายหลังเป็นประธานในพิธีถวายราชสดุดี เนื่องในวโรกาสวันฉัตรมงคล ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่า โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่ทั้งภาครัฐและเอกชนของจังหวัดเชียงใหม่ได้หารือกันว่า ในปัจจุบันประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงาม และมีเอกลักษณ์หลายอย่างของจังหวัดเชียงใหม่ได้เปลี่ยนแปลงไป บางอย่างก็ถูกละเลย หรือเกิดวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่บางสิ่งดูจะไม่เหมาะสมกับขนบธรรมเนียมประเพณีหรืออัตลักษณ์ความเป็นล้านนา จึงเห็นควรกันว่าน่าจะมาร่วมกันดูว่าสิ่งใดที่ควรจะดำรงรักษาเอาไว้ หรือสิ่งใดที่ไม่ใช่ประเพณีวัฒนธรรมที่มีมาแต่เดิม ก็ต้องมาพิจารณากันว่าเหมาะสมกับเชียงใหม่หรือไม่
หม่อมหลวง ปนัดดา กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อโครงการดังกล่าวแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อหารือและดำเนินการในเรื่องนี้ คาดว่าภายใน 1-2 เดือนจะมีงานในภาคปฏิบัติสำหรับบางเรื่องที่จะเห็นผลเป็นรูปธรรม โดยในเบื้องต้นมีหลายเรื่องที่คิดว่าคงจะได้นำมาพูดจาหารือกัน อาทิเช่น เรื่องระเบียบวินัย เรื่องความสะอาด เรื่องปัญหากำแพงดิน การก่อสร้างอาคารที่ไม่เหมาะสมหรือขาดอัตลักษณ์ความเป็นล้านนา รวมถึงเรื่องของสถานบริการคาราโอเกะที่ให้พนักงานแต่งกายวาบหวิวมาปรากฏตัวอยู่หน้าสถานที่หรือโบกรถที่ผ่านไปมา ซึ่งจะมีการนำมาพูดคุยเป็นเรื่องแรก เนื่องจากในปัจจุบันปัญหานี้ถูกปล่อยปละละเลยมานาน อีกทั้งยังเกิดขึ้นในเมืองที่ถือว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นดินแดนวัฒนธรรม ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวชายทะเลหรือพื้นที่ที่ใครจะมาแสดงอากัปกิริยาอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันว่า การจัดทำโครงการดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าจะบังคับให้ประชาชนทั้งจังหวัดต้องปฏิบัติตามแนวทางของโครงการ แต่จะเป็นไปในลักษณะของการขอความร่วมมือและส่งเสริมให้ปฏิบัติเพื่อร่วมกันอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามมากกว่า ยกเว้นแต่บางกรณีที่อาจจะต้องนำข้อกฎหมายเข้ามาใช้ในการแก้ไขปัญหาบ้าง อย่างเช่นการรุกล้ำพื้นที่โบราณสถานเป็นต้น ซึ่งในส่วนดังกล่าวจะต้องมีการหารือกันก่อนเพื่อวางแนวทางการแก้ไขในระยะยาว
ทั้งนี้ โครงการเชียงใหม่ : นครที่เป็นที่สุดแห่งความสง่างามทางวัฒนธรรม (Chiang Mai : The Most Splendid City of Culture) เป็นโครงการที่จังหวัดเชียงใหม่จัดทำขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธ.ค.2554 ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากกระทรวงมหาดไทย และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ในการประชุมครั้งที่ 18/2554 เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา
โดยโครงการดังกล่าว นอกจากจะเป็นการจัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังมีเป้าหมายเพื่อรักษาศิลปวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของชาวเชียงใหม่ให้อยู่ควบคู่ไปกับสังคมอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นแนวยุทธศาสตร์ต้นแบบในการเสริมสร้างความภาคภูมิใจและความสมัครสมานสามัคคี ภายใต้วัตถุประสงค์หลัก 3 ข้อ ได้แก่
1.เพื่อแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี ความรักและเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยการดำรงรักษาและสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของเชียงใหม่ อันแสดงถึงอัตลักษณ์ในความเป็นชาติไทยตั้งแต่ครั้งอดีตกาล
2.เสริมสร้างความตระหนักให้ประชาชน เยาวชน และอนุชนรุ่นหลัง บังเกิดความภาคภูมิใจ ความสมัครสมานสามัคคี รู้สึกรักและหวงแหนในวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของนครเชียงใหม่ รวมทั้งสืบสานและอนุรักษ์ไว้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมแห่งเกียรติยศอย่างยั่งยืนสืบไป
และ 3.เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ได้รับทราบในคุณค่าแห่งมรดกอันล้ำค่าทางวัฒนธรรมของนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ มีความเข้าใจในอัตลักษณ์ของเชียงใหม่ ที่มีความโดดเด่นและมีความแตกต่างหลากหลายทั้งงานศิลปะ วัฒนธรรม เมื่อได้มาสัมผัสและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่งดงาม ซึ่งจะส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนมากขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและกระจายรายได้ของจังหวัดและของประเทศโดยรวม
วันนี้ (5 พ.ค.) หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงโครงการเชียงใหม่ : นครที่เป็นที่สุดแห่งความสง่างามทางวัฒนธรรม ภายหลังเป็นประธานในพิธีถวายราชสดุดี เนื่องในวโรกาสวันฉัตรมงคล ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่า โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่ทั้งภาครัฐและเอกชนของจังหวัดเชียงใหม่ได้หารือกันว่า ในปัจจุบันประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงาม และมีเอกลักษณ์หลายอย่างของจังหวัดเชียงใหม่ได้เปลี่ยนแปลงไป บางอย่างก็ถูกละเลย หรือเกิดวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่บางสิ่งดูจะไม่เหมาะสมกับขนบธรรมเนียมประเพณีหรืออัตลักษณ์ความเป็นล้านนา จึงเห็นควรกันว่าน่าจะมาร่วมกันดูว่าสิ่งใดที่ควรจะดำรงรักษาเอาไว้ หรือสิ่งใดที่ไม่ใช่ประเพณีวัฒนธรรมที่มีมาแต่เดิม ก็ต้องมาพิจารณากันว่าเหมาะสมกับเชียงใหม่หรือไม่
หม่อมหลวง ปนัดดา กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อโครงการดังกล่าวแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อหารือและดำเนินการในเรื่องนี้ คาดว่าภายใน 1-2 เดือนจะมีงานในภาคปฏิบัติสำหรับบางเรื่องที่จะเห็นผลเป็นรูปธรรม โดยในเบื้องต้นมีหลายเรื่องที่คิดว่าคงจะได้นำมาพูดจาหารือกัน อาทิเช่น เรื่องระเบียบวินัย เรื่องความสะอาด เรื่องปัญหากำแพงดิน การก่อสร้างอาคารที่ไม่เหมาะสมหรือขาดอัตลักษณ์ความเป็นล้านนา รวมถึงเรื่องของสถานบริการคาราโอเกะที่ให้พนักงานแต่งกายวาบหวิวมาปรากฏตัวอยู่หน้าสถานที่หรือโบกรถที่ผ่านไปมา ซึ่งจะมีการนำมาพูดคุยเป็นเรื่องแรก เนื่องจากในปัจจุบันปัญหานี้ถูกปล่อยปละละเลยมานาน อีกทั้งยังเกิดขึ้นในเมืองที่ถือว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นดินแดนวัฒนธรรม ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวชายทะเลหรือพื้นที่ที่ใครจะมาแสดงอากัปกิริยาอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันว่า การจัดทำโครงการดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าจะบังคับให้ประชาชนทั้งจังหวัดต้องปฏิบัติตามแนวทางของโครงการ แต่จะเป็นไปในลักษณะของการขอความร่วมมือและส่งเสริมให้ปฏิบัติเพื่อร่วมกันอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามมากกว่า ยกเว้นแต่บางกรณีที่อาจจะต้องนำข้อกฎหมายเข้ามาใช้ในการแก้ไขปัญหาบ้าง อย่างเช่นการรุกล้ำพื้นที่โบราณสถานเป็นต้น ซึ่งในส่วนดังกล่าวจะต้องมีการหารือกันก่อนเพื่อวางแนวทางการแก้ไขในระยะยาว
ทั้งนี้ โครงการเชียงใหม่ : นครที่เป็นที่สุดแห่งความสง่างามทางวัฒนธรรม (Chiang Mai : The Most Splendid City of Culture) เป็นโครงการที่จังหวัดเชียงใหม่จัดทำขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธ.ค.2554 ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากกระทรวงมหาดไทย และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ในการประชุมครั้งที่ 18/2554 เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา
โดยโครงการดังกล่าว นอกจากจะเป็นการจัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังมีเป้าหมายเพื่อรักษาศิลปวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของชาวเชียงใหม่ให้อยู่ควบคู่ไปกับสังคมอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นแนวยุทธศาสตร์ต้นแบบในการเสริมสร้างความภาคภูมิใจและความสมัครสมานสามัคคี ภายใต้วัตถุประสงค์หลัก 3 ข้อ ได้แก่
1.เพื่อแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี ความรักและเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยการดำรงรักษาและสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของเชียงใหม่ อันแสดงถึงอัตลักษณ์ในความเป็นชาติไทยตั้งแต่ครั้งอดีตกาล
2.เสริมสร้างความตระหนักให้ประชาชน เยาวชน และอนุชนรุ่นหลัง บังเกิดความภาคภูมิใจ ความสมัครสมานสามัคคี รู้สึกรักและหวงแหนในวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของนครเชียงใหม่ รวมทั้งสืบสานและอนุรักษ์ไว้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมแห่งเกียรติยศอย่างยั่งยืนสืบไป
และ 3.เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ได้รับทราบในคุณค่าแห่งมรดกอันล้ำค่าทางวัฒนธรรมของนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ มีความเข้าใจในอัตลักษณ์ของเชียงใหม่ ที่มีความโดดเด่นและมีความแตกต่างหลากหลายทั้งงานศิลปะ วัฒนธรรม เมื่อได้มาสัมผัสและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่งดงาม ซึ่งจะส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนมากขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและกระจายรายได้ของจังหวัดและของประเทศโดยรวม
