เชียงราย - ช่างเทคนิคอาวุโส สำนักศิลปากรที่ 8 โร่เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สกัดแผนทุบวิหารคริสตจักรเชียงรายที่ 1 ทิ้งแล้วสร้างใหม่ ยันกรมศิลป์ฯจัดให้เป็นโบราณสถานแล้ว
ร.ต.อ.ธวัช สิงห์ชัย ร้อยเวร สภ.เมืองเชียงราย ได้รับแจ้งจากนายตระกูล หาญทองกุล อายุ 53 ปี ตำแหน่งนายช่างเทคนิคอาวุโส สำนักศิลปกรที่ 8 เชียงใหม่ ว่า ตามที่มีการกระจายข่าวออกไปตามสื่อต่างๆ ในพื้นที่ว่า ในวันที่ 2 พ.ค.54 จะมีการรื้อถอนวิหารคริสตจักรที่ 1 เชียงราย นำโดย นพ.ปลื้ม ศุภปัญญา ประธานคณะกรรมการก่อสร้างคริสตจักรที่ 1 เชียงราย พร้อมคณะเพื่อจะทำการก่อสร้างอาคารหลังใหม่ขึ้นมาโดยให้เหตุผลว่าเพื่อรองรับจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้น
แต่อาคารดังกล่าวอธิบดีกรมศิลปากรได้มีหนังสือเลขที่ วธ 0422/1514 ลงวันที่ 27 เม.ย.54 ถึงประธานสภาคริสตจักรแห่งประเทศไทยว่า อาคารดังกล่าวเป็นโบราณสถานตามนิยามที่กฎหมายกำหนด จึงมิให้กระทำการใดๆต่อตัวอาคาร จึงได้เดินทางมาลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อจะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ ตามประวัติโบสถ์คริสตจักรที่ 1 เวียงเชียงราย เก่าแก่มีอายุ 97 ปีหลังนี้ สร้างด้วยเงินบริจาคของคณะเพรสไบทีเรียนมิชชัน แห่งสหรัฐอเมริกา บนที่ดินบริเวณประตูสลี ใช้เวลาในการปรับพื้นที่เตรียมการและก่อสร้างราว 4 ปีจึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1914 มีนายแพทย์วิลเลี่ยม เอ.บริกส์ (William A. Briggs) มิชชันนารีคนสำคัญที่ทำประโยชน์ให้แก่เมืองเชียงรายมากมาย เช่น การก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊ค โรงเรียนและบ้านพักมิชชันนารี ตลอดจนศาลากลางและเรือนจำ จ.เชียงราย เป็นผู้อำนวยการสร้างโบสถ์
ต่อมาจะมีการรื้ออาคารโบสถ์หรือพระวิหารเพื่อสร้างพระวิหารหลังใหม่ฉลองวาระครบรอบ 100 ปีในอีก 3 ปี อ้างเพื่อให้เหมาะสมต่อความต้องการรองรับคนที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งอ้างถึงความชำรุดทรุดโทรมจนไม่อาจซ่อมแซมได้ต่อไปแล้ว ทั้งที่เมื่อ 2 ปีก่อนกรมศิลปากรได้เคยเข้าไปตรวจสอบแล้วมีความเห็นสรุปว่า สามารถดำเนินการอนุรักษ์ โดยเสริมความมั่นคงด้วยการเพิ่มเสาและฐานรากเพื่อรับน้ำหนักโครงหลังคา และตัดความชื้นที่ผนัง ตลอดจนปรับซ่อมอาคารให้มีความมั่นคงยืนยาวต่อไปได้ โดยโบสถ์เก่าหลังนี้ยังสามารถต้านทานแรงแผ่นดินไหวขนาด 6.7 ริกเตอร์ที่มีศูนย์กลางอยู่ในพม่า เมื่อ 24 มีนาคม 54 ที่ผ่านมาได้อย่างมั่นคงด้วย
ด้านนายแพทย์ปลื้ม ศุภปัญญา ประธานคณะกรรมการก่อสร้างคริสตจักรที่ 1 เชียงราย เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างอาคารหลังใหม่ ยังอยู่ในขั้นตอนการหารือกันอยู่ และในวันที่ 2 พ.ค.54 ที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการรื้อถอนนั้นก็ไม่ได้เป็นความจริงแต่อย่างใด ขอยืนยันว่าคณะกรรมการยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องนี้