อุตรดิตถ์ - เหยื่อโคลนถล่มลับแล ผ่านมาตั้งแต่ปี 49 ถึงวันนี้ยังไม่พ้นเคราะห์กรรม ต้องทนใช้น้ำประปาหินปูน แถมยังต้องผวาดินถล่มฝนนี้อีก จนต้องเตรียมพร้อมตลอด หลังพบภูเขาสูงในพื้นที่มีรอยร้าวเพียบ หวั่นฝนลงหนักทำถล่มซ้ำ
นางสบาย เตชัย ราษฎรบ้านม่อนนางแหลม หมู่ 4 ต.ฝายหลวง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า ปลายปีที่ผ่านมาได้มีเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากร กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาเจาะบ่อบาดาลให้ใหม่ เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งซ้ำซากให้แก่ชาวบ้านที่อพยพมาจากพื้นที่ประสบอุทกภัยและโคลนถล่มเมื่อเดือนพฤษภาคม 2549 ซึ่งในปัจจุบันสามารถแก้ปัญหาภัยแล้งได้ แต่น้ำที่ได้ไม่สามารถนำมาดื่มได้ ใช้ได้เฉพาะซักผ้า อาบน้ำ ล้างจาน และปลูกผักเท่านั้น เพราะน้ำมีหินปูนปะปนอยู่จำนวนมาก
“หลายบ้านได้ใช้เครื่องกรองน้ำ แต่ก็ไม่สามารถนำมาดื่มได้อยู่ดี เพราะเมื่อนำน้ำมาใส่ภาชนะก็เกิดคราบตะกอนของหินปูนให้เห็น สำหรับน้ำดื่มชาวบ้านจะนำถังหรือภาชนะไปรองน้ำจากหมู่บ้านใกล้เคียง บางครอบครัวที่มีเงินหน่อยก็จะซื้อน้ำดื่มจากเอกชน ส่วนครอบครัวที่ไม่มีเงินก็จะทนดื่มน้ำประปาที่มีหินปูนผสม แม้จะรู้ว่าไม่ปลอดภัยก็ตาม เพราะไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้แล้ว จึงอยากให้สาธารณสุขจังหวัดเข้ามาตรวจสอบและหาทางแก้ปัญหาให้กับชาวบ้านด้วย” นางสบายกล่าว
นางสบายกล่าวว่า สำหรับการเฝ้าระวังภัยพิบัติและโคลนถล่มในพื้นที่หมู่บ้านมหาราช หมู่ 11 ต.แม่พูล อ.ลับแล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคยเกิดโคลนถล่มมาแล้วเมื่อปี 2549 ได้มีชาวบ้านที่เหลืออยู่ในพื้นที่เดิมราว 70 หลังคาเรือน และยอมรับว่าทุกครอบครัวยังอยู่ในพื้นที่สีแดงไม่มีความปลอดภัย แต่ก็มีการเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะปีนี้ฤดูฝนมาก่อนฤดูกาลและตระหนักดีว่าปีนี้จะต้องเกิดฝนตกหนัก จึงไม่ประมาทจึงได้เตรียมเก็บข้าวของและพร้อมอพยพไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยคือบริเวณบ้านม่อนนางแหลมแล้ว
“เหตุที่ชาวบ้านรู้ว่าไม่มีความปลอดภัยนั้นเพราะทุกคนรู้ดีว่ายังมีโคลนจากภูเขาที่ยังหลงเหลือตกค้างอยู่จำนวนมาก ภูเขาสูงทุกแห่งมีรอยร้าวพร้อมที่จะพังทลายลงมาในหมู่บ้านตลอดเวลาหากเกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน แต่ปีนี้ไม่น่าจะเกิดความเสียหายต่อชีวิต หากเกิดเหตุจริงน่าจะมีเพียงบ้านเรือนและทรัพย์สินอื่นที่ขนออกมาไม่ทันเท่านั้นที่ต้องปล่อยให้เสียหาย” นางสบายกล่าว