ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เครือข่ายองค์กรอนุรักษ์ยื่นหนังสือค้านสวนสัตว์เชียงใหม่ จัดแสดงหมีขั้วโลก เผยกระทบสุขภาพหมี-ประโยชน์วิชาการน้อย-ไม่คุ้มลงทุน แนะหันมาศึกษาสัตว์ในท้องถิ่นดีกว่า ไม่ควรมุ่งเรื่องจำนวนคนเที่ยวอย่างเดียว เลขาธิการเครือข่ายคุ้มครองสัตว์ป่าหวังให้เลิกโครงการ ชี้ควรปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติดีกว่า
วันนี้ (23 เม.ย. 2554) ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ เครือข่ายองค์กรอนุรักษ์ ซึ่งประกอบด้วย ชมรมอนุรักษ์นกและธรรมชาติล้านนา ภาคีคนฮักเจียงใหม่ เครือข่ายคุ้มครองสัตว์ป่าไทย มูลนิธิโลกสีเขียว และมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายธนภัทร พงษ์ภมร ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อโครงการ Polar World Chiang Mai Zoo ของสวนสัตว์เชียงใหม่ ที่จะมีการนำหมีขั้วโลกมาจัดแสดงให้ประชาชนได้ชม
การเดินทางมายื่นหนังสือในครั้งนี้ สมาชิกของเครือข่ายองค์กรอนุรักษ์ได้นำแผ่นป้ายที่มีข้อความคัดค้านการดำเนินโครงการจัดแสดงหมีขั้วโลกมาแสดงต่อประชาชนที่เดินทางมาเที่ยวที่สวนสัตว์เชียงใหม่ พร้อมกับมีการแจกเอกสารให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุผลของการคัดค้านโครงการดังกล่าว รวมทั้งได้จัดการเสวนาเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ที่ศูนย์ธรรมชาติวิทยาดอยสุเทพอีกด้วย
ทั้งนี้ ในหนังสือที่ยื่นต่อผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่นั้น เครือข่ายองค์กรอนุรักษ์ได้ชี้แจงว่า สาเหตุที่ไม่เห็นด้วยกับการนำหมีขั้วโลกมาจัดแสดงนั้นมีอยู่ 4 ประเด็น สำหรับประเด็นแรกในเรื่องสวัสดิภาพของสัตว์นั้น มีข้อมูลทางวิชาการระบุว่าหมีขั้วโลกที่ถูกนำมาเลี้ยงในสวนสัตว์ต่างๆ ทั่วโลกนั้นถือเป็นสัตว์ป่าที่มีปัญหาในการปรับตัวในสภาพกักขังมากที่สุด เนื่องจากเคยชินกับการใช้ชีวิตในอาณาบริเวณกว้าง โดยจะปรากฏทั้งอาการป่วยทางจิตและอาการซึมเศร้า ขณะที่ในปัจจุบันสวนสัตว์ในหลายประเทศได้ยกเลิกการจัดแสดงหมีขั้วโลกไปแล้ว
นอกจากนี้ แผนการจัดแสดงหมีขั้วโลกของสวนสัตว์เชียงใหม่ ยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากลของ AZA (Association of Zoo and Aquarium) ที่กำหนดให้มีพื้นที่จัดแสดงหมีขั้วโลกไม่ต่ำกว่า 5000 ตร.ม.สำหรับหมี 1 คู่ และต้องมีพื้นที่ส่วนที่เป็นสระน้ำเย็นจัดไม่ต่ำกว่า 70 ตร.ม. แต่อาคารของ Polar World Chiang Mai Zoo มีพื้นที่ส่วนจัดแสดงเพียง 135 ตร.ม. และมีพื้นที่สระน้ำเพียง 23 ตร.ม. เท่านั้น ขณะที่การจัดแสดงหมีขั้วโลกในพื้นที่ร่มจะต้องใช้เครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ เพื่อสร้างความเย็นที่มีอุณหภูมิเหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยของหมีขั้วโลก แต่การวางแผนที่จะปรับอุณหภูมิไว้ที่ 18-22 องศาเซลเซียสตามแผนของสวนสัตว์นั้นยังสูงกว่าอุณหภูมิจริงในสภาพธรรมชาติของหมีขั้วโลกอย่างมาก ซึ่งอาจทำให้หมีเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจากอากาศร้อนได้
ส่วนประเด็นที่สอง ในเรื่องการศึกษาวิจัยและคุณค่าทางการศึกษานั้น เครือข่ายองค์กรอนุรักษ์ระบุว่า ในสภาพแวดล้อมที่ต่างจากธรรมชาติ หมีขั้วโลกจะไม่แสดงพฤติกรรมปกติที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษา ขณะที่ปัจจุบันสัตว์ป่าหลายชนิดในประเทศยังขาดแคลนการศึกษาวิจัยและเพาะเลี้ยงอย่างจริงจัง โดยกลุ่มเห็นว่าการนำงบประมาณกว่า 70 ล้านบาทที่จะใช้ดำเนินโครงการดังกล่าวมาใช้สนับสนถุนการศึกษางานวิจัย เกี่ยวกับสัตว์ภายในประเทศน่าจะเหมาะสมกว่า
ขณะที่ประเด็นที่สามเกี่ยวกับความคุ้มทุนทางธุรกิจนั้น เครือข่ายองค์กรอนุรักษ์ให้ความเห็นว่าในระยะยาวโครงการดังกล่าวไม่น่าจะคุ้มค่ากับการลงทุน เพราะกระแสความนิยมจะอยู่เพียงไม่นาน ต่างจากค่าบำรุงรักษาที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ส่วนประเด็นสุดท้ายในเรื่องเชิงสัญลักษณ์นั้น เครือข่ายองค์กรอนุรักษ์ระบุว่าหมีขั้วโลกไม่มีความเชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้องกับรากฐานทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ล้านนาแต่อย่างใด จึงควรให้ความสำคัญกับสัตว์พื้นถิ่น มากกว่าจะมองในแง่ของการเรียกผู้ชมเช้าสู่สวนสัตว์เพียงประการเดียว
นายนิคม พุทธา เลขาธิการเครือข่ายคุ้มครองสัตว์ป่าไทย กล่าวว่า การยื่นหนังสือในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ต้องการเรียกร้องให้มีการยกเลิกโครงการดังกล่าว โดยเห็นว่าการนำหมีขั้วโลก ซึ่งเป็นสัตว์หายากและใกล้สูญพันธุ์มาจัดแสดงที่สวนสัตว์เชียงใหม่นั้น เป็นการขัดแย้งกับแนวทางการบริหารจัดการสวนสัตว์ที่ดีที่ควรจะมุ่งเน้นการอนุรักษ์ โดยควรให้สัตว์ป่าหายากต่างๆ ได้รับการอนุรักษ์ให้คงอยู่ในถิ่นที่อยู่ของตัวเองมากกว่า แทนที่จะนำมาจัดแสดงไว้ในสวนสัตว์ นอกจากนี้เห็นว่าแทนที่จะนำสัตว์ป่าจากต่างประเทศมาจัดแสดง ทางสวนสัตว์เชียงใหม่น่าจะให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ และเป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ป่าหายากของไทยมากกว่า