ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตชด.เชียงใหม่จับผู้ต้องหาพร้อมยาบ้า 6,000 เม็ด หลังใช้เส้นทางเชียงใหม่-พร้าว ลักลอบขนยา ไม่วายแผนสูงส่งเมียกับเพื่อนมาขอต่อรองให้เงิน 1 ล้านแลกปล่อยตัว แต่ตำรวจไม่สนใจจัดการรวบยกกลุ่มดำเนินคดี แถมซวยซ้ำโดนข้อหาสินบนเจ้าพนักงานเพิ่ม
วันนี้ (21 เม.ย.) ที่กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 ค่ายสมเด็จพระบรมราชชนนี ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ พ.ต.ท.นิตินัย สุขะวิริยะ รองผู้กำกับการ
กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้าจำนวนกว่า 6,000 เม็ด แถลงข่าวการจับกุมผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ อ.พร้าว
การจับกุมผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้ สืบเนื่องจากตำรวจตระเวนชายแดน สืบทราบว่าจะมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดทำการลักลอบลำลัยงยาเสพติดเพื่อนำไปจำหน่าย ในช่วงระหว่างวันที่ 19-23 เม.ย.โดยจะลำเลียงผ่านเส้นทางถนนสายเชียงใหม่-พร้าว
กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 จึงได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ ปรีชม ผบ.ร้อย ตชด.335 และ พ.ต.ท.สมศักดิ์ ศิริเวช ผบ.ร้อย ตชด.333 นำชุดปฏิบัติการออกทำการสกัดกั้นและจับกุมที่ ต.โหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
ต่อมาเมื่อเวลา 03.30 น.วันนี้ ขณะที่ ร.ต.ต.ภิรมย์ อยุทธ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ร้อย ตชด.335 และ ร.ต.ต.วิโรจน์ สงวนโสภณ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ร้อย ตชด.333 กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่บริเวณหลัก กม.ที่ 60-61 ถนนสายเชียงใหม่-พร้าว หน้าตู้ยามพิทักษ์ธรรม เขต บ.หลวง หมู่ ต.โหล่งขอด อ.พร้าว พบรถกระบะต้องสงสัยผ่านมา จึงขอทำการตรวจค้นและพบยาเสพติดซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์คันดังกล่าว
จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา คือ นายอนุพงษ์ เลาลี อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 288 หมู่ 7 ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลาง ได้แก่ ยาบ้าห่อเป็นมัดจำนวน 3 มัด รวมประมาณ 6,000 เม็ด รถกระบะยี่ห้องโตโยต้า หมายเลขทะเบียน ผข 8963 เชียงใหม่ และโทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 4 เครื่อง
ทั้งนี้ ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังทำการสอบปากคำ นายอนุพงษ์ อยู่นั้น มีผู้หญิงจำนวน 3 คน ทราบชื่อในเวลาต่อมา ว่า นางเพ้ง แซ่เฒ่า อายุ 30 ปี, นางพัชรินทร์ เริงไม อายุ 29 ปี และนางรัชพร เลาหรือ อายุ 21 ปี ภรรยาของ นายอนุพงษ์ เข้ามาติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอให้ปล่อยตัว นายอนุพงษ์ โดยเสนอเงินตอบแทนให้เจ้าหน้าที่จำนวน 1,032,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยินยอม และได้ทำการจับกุมหญิงทั้ง 3 คน ฐานติดสินบนเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ และร่วมกันลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้โทษโดยผิดกฎหมาย ก่อนจะนำผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.โหล่งขอด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (21 เม.ย.) ที่กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 ค่ายสมเด็จพระบรมราชชนนี ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ พ.ต.ท.นิตินัย สุขะวิริยะ รองผู้กำกับการ
กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้าจำนวนกว่า 6,000 เม็ด แถลงข่าวการจับกุมผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ อ.พร้าว
การจับกุมผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้ สืบเนื่องจากตำรวจตระเวนชายแดน สืบทราบว่าจะมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดทำการลักลอบลำลัยงยาเสพติดเพื่อนำไปจำหน่าย ในช่วงระหว่างวันที่ 19-23 เม.ย.โดยจะลำเลียงผ่านเส้นทางถนนสายเชียงใหม่-พร้าว
กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 จึงได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ ปรีชม ผบ.ร้อย ตชด.335 และ พ.ต.ท.สมศักดิ์ ศิริเวช ผบ.ร้อย ตชด.333 นำชุดปฏิบัติการออกทำการสกัดกั้นและจับกุมที่ ต.โหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
ต่อมาเมื่อเวลา 03.30 น.วันนี้ ขณะที่ ร.ต.ต.ภิรมย์ อยุทธ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ร้อย ตชด.335 และ ร.ต.ต.วิโรจน์ สงวนโสภณ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ร้อย ตชด.333 กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่บริเวณหลัก กม.ที่ 60-61 ถนนสายเชียงใหม่-พร้าว หน้าตู้ยามพิทักษ์ธรรม เขต บ.หลวง หมู่ ต.โหล่งขอด อ.พร้าว พบรถกระบะต้องสงสัยผ่านมา จึงขอทำการตรวจค้นและพบยาเสพติดซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์คันดังกล่าว
จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา คือ นายอนุพงษ์ เลาลี อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 288 หมู่ 7 ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลาง ได้แก่ ยาบ้าห่อเป็นมัดจำนวน 3 มัด รวมประมาณ 6,000 เม็ด รถกระบะยี่ห้องโตโยต้า หมายเลขทะเบียน ผข 8963 เชียงใหม่ และโทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 4 เครื่อง
ทั้งนี้ ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังทำการสอบปากคำ นายอนุพงษ์ อยู่นั้น มีผู้หญิงจำนวน 3 คน ทราบชื่อในเวลาต่อมา ว่า นางเพ้ง แซ่เฒ่า อายุ 30 ปี, นางพัชรินทร์ เริงไม อายุ 29 ปี และนางรัชพร เลาหรือ อายุ 21 ปี ภรรยาของ นายอนุพงษ์ เข้ามาติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอให้ปล่อยตัว นายอนุพงษ์ โดยเสนอเงินตอบแทนให้เจ้าหน้าที่จำนวน 1,032,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยินยอม และได้ทำการจับกุมหญิงทั้ง 3 คน ฐานติดสินบนเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ และร่วมกันลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้โทษโดยผิดกฎหมาย ก่อนจะนำผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.โหล่งขอด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
