ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เรือนจำจังหวัดภูเก็ตเปิดอบรมลูกเสือ-เนตรนารี วิสามัญสำหรับผู้ต้องขัง เพื่อให้ผู้ต้องขังมีสิ่งยึดเหนียวทางด้านจิตใจ ยึดมั่นในกฎ ปลูกฝังให้ มีจิตใจเมตตาเสียสละ รวมถึงมีสัมพันธภาพอันดี กับเพื่อนมนุษย์ทั่วไป
วันนี้ (18 เม.ย.54) ที่เรือนจำจังหวัดภูเก็ต นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมลูกเสือ-เนตรนารี วิสามัญสำหรับผู้ต้องขัง โดยมีนายระพินทร์ นิชานนท์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต คณะกรรมการดำเนินงาน คณะวิทยากร เจ้าหน้าที่สมาชิกลูกเสือ-เนตรนารี วิสามัญ และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายระพินทร์ กล่าวถึงการฝึกอบรมลูกเสือ เนตรนารีให้กับผู้ต้องขัง ว่า เรือนจำจังหวัดภูเก็ต ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญ และประโยชน์ของกิจกรรมลูกเสือ - เนตรนารีวิสามัญเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ดำเนินการ จัดโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อให้ผู้ต้องขังมีสิ่งยึดเหนียวทางด้านจิตใจ ยึดมั่นในกฎ คำปฏิญาณของลูกเสือ เนตรนารีวิสามัญ และสามารถนำไปใช้ปฏิบัติตนในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น รวมถึงปลูกฝังกล่อมเกลาให้ผู้ต้องขัง มีจิตใจเมตตาเสียสละ และมีสัมพันธภาพอันดี กับเพื่อนมนุษย์ทั่วไป ตลอดจนเปิดโอกาสให้หน่วยงานภาคนอก ได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง
โดยกำหนดจัดการอบรม ระหว่างวันที่ 18-21 เมษายน 54 จำนวน 4 วัน มีต้องขังชาย 40 คน ผู้ต้องขังหญิง จำนวน 40 คน เข้าร่วม สำหรับเนื้อหาการฝึกอบรมเป็นความรู้ด้านภูมิหลังลูกเสือไทยและลูกเสือโลก วินัย ความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสัญญาณ กฎและคำปฏิญาณของลูกเสือ ทักษะของลูกเสือ กิจกรรมผูกแน่น กิจกรรมรอบกองไฟ ลูกเสือกับชุมชน ลูกเสือกับคุณธรรม รวมทั้งความรู้ด้านการป้องกันชีวิตและสุขภาพ ตลอดทั้งความรู้ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน การดำเนินงาน รวมถึงการได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการต่าง ๆ ด้วยการจัดวิทยากรฝึกอบรมตลอดหลักสูตร
ด้านนายวีระวัฒน์ กล่าวว่า ภารกิจลูกเสือ เนตรนารี ไม่ได้มีแต่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ได้มีการดำเนินกิจการของลูกเสือ เนตรนารี ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ดังนั้นสมาชิกลูกเสือ เนตรนารีวิสามัญทุกคน จะต้องมีความภาคภูมิใจ เมื่อได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจการ ซึ่งมีความสำคัญในระดับชาติ และระดับนานาชาติ ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น
จึงขอให้ทุกคนตั้งใจร่วมกิจกรรมการฝึกอบรมครั้งนี้ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ความชำนาญ ซึ่งจะได้นำไปใช้ประโยชน์ ตลอดจนเผยแพร่ความรู้ให้ผู้อื่นได้ทราบ รวมถึงร่วมกิจกรรมของคณะลูกเสือแห่งชาติ ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อเป็นการร่วมภารกิจกับคณะลูกเสือแห่งชาติ อย่างต่อเนื่องต่อไป