อุดรธานี-ตชด.24 ร่วม ตร.สืบจังหวัด จับสองวัยรุ่นรับจ้างขนยาบ้า 5,559 เม็ด ก่อนทะลักเข้ากรุง อ้างหาเงินเที่ยวสงกรานต์
วันนี้(13เม.ย.) พ.ต.อ.อารี สินธุรา ผกก.สส.กก.ภ.จว.อุดรธานี ,ร.ต.ท.เทอดศํกดิ์ โคตรศรีวงษ์ รองสว. งานการข่าว กก.ตชด.24 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ตดช.24 และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ทำการจับกุม นายโกวิทย์ ประทุม หรือ กอล์ฟ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 หมู่ 4 บ้านนาหัวช้าง ต.พรรณา อ.พรรณา จ.สกลนคร และนายโสภา สีดาหัวดี หรือโส อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108 หมู่ 7 บ้านนางิ้ว ต.บ้านดุง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี พร้อมของกลาง ยาบ้า 3 มัด หรือ 28 ถุง จำนวน 5,559 เม็ด อาวุธปืนขนาด 9 มม.จำนวน2 กระบอก เครื่องกระสุนปืนขนาด9 มม.จำนวน59 นัด รถยนต์นิสสันเซฟีโร่ สีขาว ทะเบียน กค 1601 จังหวัดชุมพร และ รถยนต์จักรยานยนต์ ยามาฮ่าฟีโน่ สีดำแดง ทะเบียน คคพ 618 อุดรธานี
ทั้งนี้สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตชด.24 สามารถจับกุมตัวนายเจริญชัย เจนชล อายุ 33ปี อยู่บ้านเลขที่215 หมู่1 ต.นาสิงห์ อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ ได้ยาบ้าจำนวน1,169 เม็ด และรับสารภาพว่า รับยาบ้ามาจากนายทรัพย์ มีศรี ที่ยังหลบหนีอยู่ ซึ่งมียาบ้าอยู่จำนวน 30 มัด โดยได้มาเช่าบ้านอยู่ที่บ้านนาทราย ต.หนองบัว อ.เมืองอุดรธานี จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าว
แต่ไม่พบตัว และทราบว่าได้มีการว่าจ้างให้วัยรุ่นนำยาบ้าไปส่งที่กทม. โดยจะไปขึ้นรถโดยสารประจำทาง จึงได้ประสานมายังตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี แล้วนำกำลังไปทำการดักซุ่มรออยู่บริเวณดังกล่าว
ต่อมาพบชายวัยรุ่นตรงตามกับสายรายงาน ขับรถจักรยานยนต์มาส่งกันที่บริเวณหน้าบริษัทขนส่ง โดยผู้ต้องหารายหนึ่งได้ถือกระเป๋าเดินทางสีดำกำลังจะขึ้นรถ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวเข้าจับกุมพบของกลางดังกล่าว อยู่ในกระเป๋า จึงได้ควบคุมตัวมายังสภ.เมืองอุดรธานีเพื่อทำการสอบสวน
จากการสอบสวนนายโกวิทย์ ให้การรับสารภาพว่า สาเหตุที่ขนยาบ้าก็เนื่องจาก ต้องการหาเงินไปเที่ยวสงกรานต์ โดยตนได้รับจ้างขนยาบ้าจำนวนดังกล่าว โดยมีนายทรัพย์ มีศรี เป็นเจ้าของยา ซึ่งรับจ้างขนครั้งนี้เป็นครั้งแรก โดยจะได้ค่าแรงเป็นเงินจำนวน 10,000 บาทต่อครั้ง และยาบ้าที่ตนนำไปส่งนำจะมีการนัดส่งมอบกันที่ สถานีขนส่งหมอชิต
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาทั้ง 2 คน ร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 หรือยาบ้า มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย และ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุน มีไว้ในครอบครอง โดยผิดกฎหมาย แล้วนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป