น่าน - แม่เฒ่าวัย 76 ปี เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองน่าน หลังสงสัยถูกเปลี่ยนทรัพย์สินมีค่าหลายรายการที่ฝากไว้ในตู้เซฟธนาคารออมสิน ร้อนถึงร้านค้าทอง ต้องร่วมตรวจสอบยืนยันกันวุ่น
วันนี้ (23 มี.ค.) นางประไพ เจนใจ อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43/4 หมู่ 8 บ้านปางชมพู ต.อ่ายนาไลย อ.เวียงสา จ.น่าน เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.บุญฤทธิ์ คำบุญเรือง สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองน่าน หลังสงสัยว่าทรัพย์สินมีค่าที่ฝากไว้ในตู้เซฟกับธนาคารออมสิน สาขาน่าน จำนวน 11 รายการ จะถูกเปลี่ยน
นางประไพ เล่าว่า ได้ไปเช่าตู้เซฟกับธนาคารออมสิน สาขาน่าน เมื่อเดือนมกราคม 2554 ที่ผ่านมา โดยเสียค่ากุญแจ 3,500 บาท ค่าเช่าปีละ 600 บาท และนำทรัพย์สินจำนวน 11 รายการ ซึ่งประกอบด้วย ทองคำรูปพรรณ แหวนเพชร พระเครื่อง นาฬิกา ที่สะสมมาตั้งแต่สมัยทำงานไปเก็บรักษาไว้ กระทั่งวันที่ 21 มีนาคม 2554 ได้ไปนำทรัพย์สินออกมา และเมื่อกลับไปบ้านนำมาเช็ดทำความสะอาด สังเกตพบว่า สร้อยคอทองคำลายลูกประคำ ไม่เหมือนเดิม จึงสงสัยว่า ทรัพย์สินในตู้เซฟนั้นจะถูกเปลี่ยน จึงเข้าแจ้งความตำรวจพร้อมรูปถ่ายหลักฐานเมื่อถ่ายไว้ขณะสวมใส่สร้อยเส้นดังกล่าว และยืนยันจะเอาผิดกับทางธนาคารถึงที่สุด
ต่อมา พ.ต.ท.บุญฤทธิ์ คำบุญเรือง สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองน่าน ได้เดินทางพร้อมนางประไพ เข้าตรวจสอบที่ธนาคารออมสิน ซึ่ง นายบรรเลง ขจรศักดิ์พันธ์ พนักงานธนาคารระดับ 7 รักษาการแทนผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาน่าน ได้ชี้แจงว่า ตามกฎระเบียบการให้บริการเช่าตู้เซฟ ธนาคารจะไม่มีส่วนข้องเกี่ยว หรือรับรู้ว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้างในตู้เซฟ จะเป็นความลับของลูกค้า ธนาคารจะมีหน้าที่เพียงให้เช่าตู้เซฟ และถือกุญแจมาสเตอร์ไว้ 1 ดอก ขณะที่ลูกค้าถือ 2 ดอก
เมื่อเวลาลูกค้าจะใช้บริการเปิดตู้เซฟ ธนาคารจะนำกุญแจมาสเตอร์มาเสียบ พร้อมกันกับของลูกค้าถึงจะสามารถเปิดได้ หลังจากนั้น ก็จะปล่อยให้ลูกค้าจัดการกับทรัพย์สินของตนเอง โดยไม่เข้าไปข้องเกี่ยว และที่ผ่านมา ธนาคารก็มีลูกค้าจำนวนหลายรายใช้บริการตู้เซฟกับธนาคาร แต่ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้ รายนี้ถือเป็นรายแรก
อย่างไรก็ตาม นางประไพ ไม่ยอมฟังคำชี้แจง ยังคงปักใจเชื่อว่าทรัพย์สินของตนไม่เหมือนเดิม จนเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ธนาคารจึงนำทรัพย์สินทั้งหมดให้ทางร้านทองตรวจสอบ ซึ่งก็ยืนยันว่าเป็นของแท้แน่นอนทุกรายการ นางประไพ จึงยอมเชื่อและยอมรับว่าคงจำผิดเองและคิดมากไปเอง
ด้าน พ.ต.ท.บุญฤทธิ์ คำบุญเรือง สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองน่าน กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เป็นคดีความแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการเข้าใจผิด ซึ่ง นางประไพ อายุมากแล้ว ความทรงจำอาจเริ่มเลอะเลือน และเป็นกังวลกับทรัพย์สินที่มีอยู่
พ.ต.ท.บุญฤทธิ์ บอกว่า อย่างไรก็ตาม ต้องการให้ลูกหลานใส่ใจแม่เฒ่ามากกว่านี้ ไม่ควรปล่อยให้อยู่เฝ้าบ้านแต่เพียงลำพัง เนื่องจากอายุมากและมีทรัพย์สินมีค่า อาจเป็นเหตุจูงใจเหล่ามิจฉาชีพได้ ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้นำรถส่งกลับบ้าน พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เวียงสา ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านในละแวก ดังกล่าวให้ช่วยสอดส่องดูแลความปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุร้าย และแจ้งลูกหลานที่อยู่ต่างจังหวัดให้รับทราบเพื่อกลับมาดูแล
