xs
xsm
sm
md
lg

ชาวสวนไม้ผลระทมเหตุสึนามิญี่ปุ่น-ถูกฉีกสัญญาซื้อมะม่วง 1,500 ตัน เจ๊ง 100 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พิจิตร - ชาวสวนมะม่วง-มะยงชิด น้ำตาร่วงกันเป็นแถว หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว-สึนามิถล่มญี่ปุ่น ทำให้ถูกแจ้งเลิกสัญญาซื้อผลผลิตล่วงหน้าอื้อ จนราคาตกวูบ เผย “มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง” จากกิโลฯ ละ 50-60 บาท เหลือ 20-25 บาท แถมเจอฝนหลงฤดูทำคุณภาพตกต่ำ

นายสายันต์ บุญยิ่ง เลขาสมาคมชาวสวนมะม่วงไทยและเป็นผู้นำกลุ่มผู้ปลูกมะม่วงบ้านวังทับไทร อ.สากเหล็ก จ.พิจิตร เปิดเผยว่า กรณีเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิถล่มญี่ปุ่น ขณะนี้ส่งผลถึงสมาชิกเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงของสมาคมชาวสวนมะม่วงไทยที่มีสมาชิก 220 จาก 22 จังหวัด คิดเป็นพื้นที่เกือบ 1 แสนไร่แล้ว

โดยก่อนหน้านี้คู่ค้าผู้ซื้อมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองเพื่อส่งออกไปประเทศญี่ปุ่นได้ทำสัญญาซื้อ มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองจากทั่วประเทศ คิดเป็นปริมาณมากถึง 1,500 ตัน ราคาส่งมอบที่หน้าสวน กก.ละ 50-60 บาท คิดเป็นมูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท ซึ่งในสัญญาระบุไว้ว่าหากเกิดเหตุสุดวิสัย ภัยพิบัติ ปฏิวัติรัฐประหาร หรือเกิดสงครามการสู้รบ ที่ทำให้ผู้ซื้อขาดสภาพความพร้อมในการทำการตลาดสามารถบอกยกเลิกข้อตกลงได้

ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติที่ญี่ปุ่น จึงเป็นเหตุให้ผู้สั่งซื้อแจ้งขอยกเลิกสัญญา ทำให้ชาวสวนมะม่วงทั้งประเทศได้รับผลกระทบไปด้วย

สำหรับผลผลิตในเขต จ.พิจิตร นายสายันต์ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า พื้นที่การปลูกมะม่วง-มะยงชิด เพื่อการส่งออกของพิจิตร มีประมาณ 2 หมื่นไร่ ทำสัญญาล่วงหน้าที่จะส่งไปญี่ปุ่นจำนวน 250 ตัน โดยส่งมอบช่วง 20 ก.พ.-มี.ค.54 ราคาตันละ 55,000 บาท คิดเป็นมูลค่า เกือบ 14 ล้านบาท และมะม่วงกินดิบเพื่อการแปรรูปอีก 200 ตัน ราคาขายตันละ 26,000 บาท คิดเป็นมูลค่า 5 ล้านบาทเศษ

โดยที่ผ่านมามะม่วงเพื่อการส่งออกจะมีกฎกติกาละเอียดยิบ เช่น ผิวต้องเป็นสีเหลืองดั่งทอง ไม่มีโรคแมลงขนาดน้ำหนักต้องได้ 3 ลูก/กก. รสชาติต้องหวานพอดีบรรจุหีบห่อต้องหุ้มฟองน้ำบรรจุกล่องละ 12 ลูก ชาวสวนจึงลงทุนประคบประหงมยิ่งกว่าลูก เพราะหวังว่าเมื่อถึงเวลาส่งมอบก็จะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ

อีกทั้งทำสัญญาซื้อขายวางมัดจำ ทำตั๋วเงินธนาคารกันไว้ล่วงหน้า จึงมั่นใจในการลงทุนแต่เมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหว-สึนามิ ทำให้คู่ค้าที่ติดต่อกันมานานนับสิบปีต้องแจ้งเลิกสัญญาไปหมด

ภายหลังจากสั่งยกเลิกการนำเข้ามะม่วงน้ำดอกไม้สีทองของประเทศญี่ปุ่น ทำให้ขณะนี้ทั้งมะม่วงสุก-ดิบ-มะม่วงเพื่อการแปรรูป ล้นตลาดในประเทศ ทำให้ราคาตกต่ำลงจาก กก.ละ 30-35 บาท เหลือแค่ กก.ละ 20 บาทเศษๆ ขณะที่ตลาดส่งออก ต้องหันไปพึ่งตลาดเวียดนาม จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง ซึ่งถือเป็นตลาดล่าง ได้ราคาไม่สูงเท่าญี่ปุ่น แต่ก็ต้องจำใจขาย

ขณะที่ มะม่วงฟ้าลั่น ซึ่งเป็นมะม่วงกินดิบ ราคาภายในประเทศจากที่เคยขาย กก.ละ 15-17 บาท ตอนนี้เหลือ กก.ละ 7-8 บาท

ไม่เพียงเท่านั้น ช่วงระหว่างวันที่ 14-19 มีนาคม 2554 ก็ได้เกิดอากาศแปรปรวนฝนหลงฤดูอากาศหนาวเย็น ทำให้ผลผลิตทั้ง มะม่วงและมะยงชิด มีรสชาติและสีผิวผิดเพี้ยนไปจากที่เคยผลิตได้ จึงทำให้ราคาขายภายในประเทศตกลงอีก จึงอยากวิงวอนขอให้รัฐบาลหาช่องทางเยียวยากลุ่มเกษตรกรชาวสวนมะม่วงด้วย

กำลังโหลดความคิดเห็น