ลำปาง - ป้องกันจังหวัดลำปางนำกำลัง อส บุกตรวจพื้นที่ป่าสงวนแม่พริก พบไม้ขนาดใหญ่ถูกตัดโค่นจำนวนมาก แฉเป็นฝีมือผู้นำท้องถิ่นและชาวบ้านที่นำมาสร้างบ้านอำพรางไว้ขาย
นายสันติ นฤมิตร ป้องกันจังหวัดลำปาง พร้อมด้วยนายธนากร จันจ้า ป้องกันอำเภอสบปราบ ,นายวินัย วงษา ป้องกันอำเภอแม่พริก ,นายวิฑูรย์ แก่นแก้ว หัวหน้าหน่วยป้องกันลำปาง1(แม่พริก) ,นายมานะ จันทร์ศิริ ผู้ช่วยหน่วยอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำห้วยแม่พริก และกำลัง อส. จังหวัด และ อส.ทั้ง 2 อำเภอ ร่วม 20 นาย ได้เข้าตรวจพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่พริก อำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง ตลอดทั้งวันของวานนี้ (10 มี.ค.54) หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าในพื้นที่ป่าสงวนมีผู้นำท้องถิ่นและชาวบ้าน รับจ้างเข้าไปตัดไม้ในป่าจำนวนมาก แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปดำเนินการเนื่องจากเกรงกลัวอิทธิพล
จากการเข้าตรวจพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปในป่ากว่า 2 กิโลเมตร พบมีการลักลอบตัดไม้สัก ไม้ประดู่ กระยาเลย ทั้งต้นเล็ก ต้นใหญ่ ขนาดหน้ากว้าง 25 นิ้ว กระจัดกระจายจำนวนมาก โดยต้นเล็กหากใช้งานไม่ได้ก็จะถูกตัดทิ้งไว้ ส่วนต้นใหญ่ก็จะมีชาวบ้านใช้รถอีแต๊กลำเลียงออกมายังหมู่บ้าน เพื่อจำหน่ายให้กับผู้นำท้องถิ่นและชาวบ้านบางส่วนสร้างบ้านอำพรางไว้รอจำหน่าย
หลังจากที่มีการตรวจในพื้นที่ป่าแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหมู่ 8 ตำบลแม่พริก พบว่า ทั้งหมู่บ้านมีการสร้างบ้านใหม่กว่า 10 หลังคาเรือน โดยมีการขึ้นโครงสร้าง เสา หลังคา ด้วยไม้ทั้งสิ้น และเมื่อเข้าตรวจค้นบริเวณโดยรอบบ้าน ก็พบไม้ท่อนขนาดยาว 4 เมตร หน้ากว้าง 30 ซม. ถูกซุกซ่อนไว้อีกจำนวนหนึ่ง
เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการยึดไม้ท่อนที่ตรวจพบทั้งในพื้นที่ป่าสงวนและโดยรอบบ้านของชาวบ้านแต่ละหลังไว้ดำเนินคดีทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนทางลับของเจ้าหน้าที่พบว่าหมู่บ้านดังกล่าว ทั้งผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อบต. รวมถึง ส.อบจ.บางนาย และชาวบ้านบางส่วน จะจ้างชาวบ้านเข้าไปตัดไม้ในป่าสงวนดังกล่าว โดยใช้รถอีแต๊กลำเลียงออกจากป่า และมาสร้างบ้านไว้เพื่อรอจำหน่าย เมื่อเจ้าหน้าที่มาตรวจก็จะอ้างว่าไม้ที่ตัดมาจากป่าเพื่อนำมาสร้างบ้านเท่านั้น
การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าตลอดสิบปีหมู่บ้านดังกล่าวจะมีการปลูกบ้านใหม่หมุนเวียนกันตลอดไม่จบสิ้น เมื่อปลูกเสร็จก็จำหน่ายและก็ขออนุญาตสร้างใหม่ไปเรื่อยๆ แต่ก็มีชาวบ้านบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยก็ได้ให้เบาะแสกับเจ้าหน้าที่ แต่คนในพื้นที่ก็ไม่กล้าที่จะดำเนินการใดๆเนื่องจากผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้นำท้องถิ่นแทบทั้งสิ้น