ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ตร.ภ.4 แถลงข่าวหลังจับพระลูกวัดในอำเภอกุมภวาปี จ.อุดรฯ ผู้ต้องหาฆ่าหมกศพกิ๊กสาวรุ่นใหญ่ทิ้งอำพรางคดีในบ่อน้ำหลังวัด สารภาพมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง แต่ถูกขู่แฉความสัมพันธ์ จึงระงับความโกรธไม่อยู่ฆ่าทิ้งแล้วหลบหนีจำวัดหลายแห่ง ก่อนจนมุมที่จังหวัดมหาสารคาม
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (8 มี.ค.) พล.ต.ท.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.กวี สุภานันท์ รองผบช.ภ.4 และ พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา ผบก.สส.ภ.4 ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัว นายทวัฒน์ ไกรพล หรือ อดีตพระทวัฒน์ ถาวโร อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127 ม.4 บ.หนองแซง ต.นาตาล อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ และเป็นพระลูกวัด วัดบุรินทราวาส อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และท่อนไม้ขนาดใหญ่ที่ใช้ในการลงมือก่อเหตุ
ต้องหารายนี้ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ได้ติดตามจับกุมตัวหลังลงมือก่อเหตุฆ่า น.ส.สัญญา ไชยพิเดช อายุ 41 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในหมูบ้านเดียวกัน เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีไปซ่อนตัวด้วยการตระเวนจำพรรษาในเขตพื้นที่ จ.เลย,สกลนคร และ มหาสารคาม
นายทวัฒน์ รับสารภาพว่า ตนกับผู้ตายได้แอบลักลอบคบหากันมานานตั้งแต่บรรพชาที่วัดประจำหมู่บ้านใน จ.กาฬสินธุ์ ก่อนที่จะย้ายมาจำพรรษาที่วัดบุรินทราวาส จ.อุดธานี จนกระทั่งในวันเกิดเหตุซึ่งเป็นช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 2 มี.ค. น.ส.สัญญา ได้นั่งรถประจำทางมาพบภายในกุฏิของวัดและได้มีเพศสัมพันธ์กัน 2 ครั้ง จากนั้นผู้ตายได้ขอเงินจำนวน 2,000 บาท แต่ตนไม่มี ผู้ตายจึงต่อว่าและขู่จะนำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งให้กับเจ้าอาวาส และชาวบ้านได้รับรู้ในตอนเช้า ทำให้ตนโกรธอย่างมาก และกลัวว่า พระรูปอื่นและชาวบ้านทราบเรื่อง จึงได้ลงมือทำร้ายร่างกายนางสาวสัญญา
โดยการตบตีและใช้มือบีบคอ นางสาวสัญญา จนเสียชีวิต แล้วจึงลากศพนางสาวสัญญา ลงไปที่บริเวณก้นบ่อร้าง และได้ใช้เท้ากระทืบที่บริเวณศีรษะ และได้ใช้ไม้ตีที่ศีรษะนางสาวสัญญาอีกครั้ง จน นางสาวสัญญา ถึงแก่ความตาย
จากนั้นได้ถอดเสื้อและชุดชั้นใจของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นเสื้อสีแดง ซึ่งตนกลัวว่าจะมีผู้อื่นมาพบเห็น และนำเสื้อผ้าไปซ่อนไว้ที่บริเวณกำแพงวัด และได้นำโทรศัพท์ของนางสาวสัญญา ติดตัวไปด้วย หลังจากก่อเหตุแล้วตนได้หลบหนีไปซุกซ่อนตัวในวัดจังหวัดเลย,สกลนคร และมหาสารคาม
พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา ผบก.สส.ภ.4 กล่าวว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 5 มี.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากพระลูกวัดบุรินทราวาส ว่า พบศพหญิงสาวไม่ทราบชื่อเสียชีวิตอยู่ที่บริเวณสระน้ำภายในวัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ บ.เหล่าสีเสียด ต.ตูมใต้ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี สภาพศพนอนคว่ำหน้าเปลือยท่อนบน ส่วนท่อนล่างสวมใส่กางเกงในสีแดงเพียงตัวเดียว โดยศีรษะมีร่องรอยถูกทุบตีด้วยของแข็ง เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 วัน
ต่อมาทราบว่าหญิงคนตายชื่อ น.ส.สัญญา ไชยพิเดช อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 271 หมู่ 4 บ.หนองแซง ต.นาตาล อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ ได้เดินทางมาพบญาติที่ อ.กุมภวาปี
จากการสอบถามทราบว่า บุคคลที่ผู้ตายมาพบ คือ พระทวัฒน์ ถาวโร หรือ นายทวัฒน์ ไกรพล ซึ่งเป็นพระลูกวัดบุรินทราวาส โดยไม่มีผู้ใดพบ นายทวัฒน์ มานานกว่า 3 วัน ทำให้แนวทางการสืบสวนสอบสวนตำรวจได้ตั้งประเด็นไปที่นายทวัฒน์ทันที พร้อมทั้งวางกำลังเพื่อเร่งติดตามจับกุม
จนกระทั่งญาติของผู้เสียชีวิต แจ้งว่า นายทวัฒน์ ได้หลบหนีไปหลบซ่อนอยู่ที่วัดป่าหนองน้อย ต.เสือเฒ่า อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่วัดดังกล่าว และได้เดินทางมาถึงบริเวณถนนภายในหมู่บ้านพบพระทวัฒน์ กำลังเดินอยู่บนถนนกลางหมู่บ้านจึงได้แสดงตัวเพื่อทำการจับกุม
โดย พระทวัฒน์ ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยสาเหตุของการลงมือสังหารนั้น เพราะโกรธที่ผู้ตายจะนำเรื่องชู้สาวไปแจ้งให้กับบุคคลอื่นได้ทราบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตั้งข้อกล่าวหาว่าฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมทั้งควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (8 มี.ค.) พล.ต.ท.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.กวี สุภานันท์ รองผบช.ภ.4 และ พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา ผบก.สส.ภ.4 ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัว นายทวัฒน์ ไกรพล หรือ อดีตพระทวัฒน์ ถาวโร อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127 ม.4 บ.หนองแซง ต.นาตาล อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ และเป็นพระลูกวัด วัดบุรินทราวาส อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และท่อนไม้ขนาดใหญ่ที่ใช้ในการลงมือก่อเหตุ
ต้องหารายนี้ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ได้ติดตามจับกุมตัวหลังลงมือก่อเหตุฆ่า น.ส.สัญญา ไชยพิเดช อายุ 41 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในหมูบ้านเดียวกัน เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีไปซ่อนตัวด้วยการตระเวนจำพรรษาในเขตพื้นที่ จ.เลย,สกลนคร และ มหาสารคาม
นายทวัฒน์ รับสารภาพว่า ตนกับผู้ตายได้แอบลักลอบคบหากันมานานตั้งแต่บรรพชาที่วัดประจำหมู่บ้านใน จ.กาฬสินธุ์ ก่อนที่จะย้ายมาจำพรรษาที่วัดบุรินทราวาส จ.อุดธานี จนกระทั่งในวันเกิดเหตุซึ่งเป็นช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 2 มี.ค. น.ส.สัญญา ได้นั่งรถประจำทางมาพบภายในกุฏิของวัดและได้มีเพศสัมพันธ์กัน 2 ครั้ง จากนั้นผู้ตายได้ขอเงินจำนวน 2,000 บาท แต่ตนไม่มี ผู้ตายจึงต่อว่าและขู่จะนำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งให้กับเจ้าอาวาส และชาวบ้านได้รับรู้ในตอนเช้า ทำให้ตนโกรธอย่างมาก และกลัวว่า พระรูปอื่นและชาวบ้านทราบเรื่อง จึงได้ลงมือทำร้ายร่างกายนางสาวสัญญา
โดยการตบตีและใช้มือบีบคอ นางสาวสัญญา จนเสียชีวิต แล้วจึงลากศพนางสาวสัญญา ลงไปที่บริเวณก้นบ่อร้าง และได้ใช้เท้ากระทืบที่บริเวณศีรษะ และได้ใช้ไม้ตีที่ศีรษะนางสาวสัญญาอีกครั้ง จน นางสาวสัญญา ถึงแก่ความตาย
จากนั้นได้ถอดเสื้อและชุดชั้นใจของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นเสื้อสีแดง ซึ่งตนกลัวว่าจะมีผู้อื่นมาพบเห็น และนำเสื้อผ้าไปซ่อนไว้ที่บริเวณกำแพงวัด และได้นำโทรศัพท์ของนางสาวสัญญา ติดตัวไปด้วย หลังจากก่อเหตุแล้วตนได้หลบหนีไปซุกซ่อนตัวในวัดจังหวัดเลย,สกลนคร และมหาสารคาม
พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา ผบก.สส.ภ.4 กล่าวว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 5 มี.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากพระลูกวัดบุรินทราวาส ว่า พบศพหญิงสาวไม่ทราบชื่อเสียชีวิตอยู่ที่บริเวณสระน้ำภายในวัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ บ.เหล่าสีเสียด ต.ตูมใต้ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี สภาพศพนอนคว่ำหน้าเปลือยท่อนบน ส่วนท่อนล่างสวมใส่กางเกงในสีแดงเพียงตัวเดียว โดยศีรษะมีร่องรอยถูกทุบตีด้วยของแข็ง เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 วัน
ต่อมาทราบว่าหญิงคนตายชื่อ น.ส.สัญญา ไชยพิเดช อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 271 หมู่ 4 บ.หนองแซง ต.นาตาล อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ ได้เดินทางมาพบญาติที่ อ.กุมภวาปี
จากการสอบถามทราบว่า บุคคลที่ผู้ตายมาพบ คือ พระทวัฒน์ ถาวโร หรือ นายทวัฒน์ ไกรพล ซึ่งเป็นพระลูกวัดบุรินทราวาส โดยไม่มีผู้ใดพบ นายทวัฒน์ มานานกว่า 3 วัน ทำให้แนวทางการสืบสวนสอบสวนตำรวจได้ตั้งประเด็นไปที่นายทวัฒน์ทันที พร้อมทั้งวางกำลังเพื่อเร่งติดตามจับกุม
จนกระทั่งญาติของผู้เสียชีวิต แจ้งว่า นายทวัฒน์ ได้หลบหนีไปหลบซ่อนอยู่ที่วัดป่าหนองน้อย ต.เสือเฒ่า อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่วัดดังกล่าว และได้เดินทางมาถึงบริเวณถนนภายในหมู่บ้านพบพระทวัฒน์ กำลังเดินอยู่บนถนนกลางหมู่บ้านจึงได้แสดงตัวเพื่อทำการจับกุม
โดย พระทวัฒน์ ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยสาเหตุของการลงมือสังหารนั้น เพราะโกรธที่ผู้ตายจะนำเรื่องชู้สาวไปแจ้งให้กับบุคคลอื่นได้ทราบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตั้งข้อกล่าวหาว่าฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมทั้งควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป