ศูนย์ข่าวศรีราชา - โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ประกาศความพร้อมการเป็น Health Destination ด้านการรักษาพยาบาลในภูมิภาคเอเซีย ด้วยการเพิ่มเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยคู่การเปิดให้บริการศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางที่ครอบคลุมในทุกสาขา ล่าสุดทุ่มงบฯอีกกว่า 150 ล้านบาท เปิดศูนย์ ICE LAB ชูนวัตกรรมใหม่ด้านการบำบัดผู้ป่วยด้วยความเย็นติดลบกว่า 100 องศาแห่งแรกในอาเซียน ขณะเดียวกันยังเดินหน้าเปิดตลาดรักษาพยาบาลในประเทศแถบยุโรป ประเดิมตลาดในกรุงมอสโค ประเทศรัสเซียและเมืองซิดนีย์ ออสเตรเลีย มีนาคมนี้
นายแพทย์พิชิต กังวลกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา เผยถึงแผนดำเนินงานในปี 2554 ของโรงพยาบาลว่า นอกจากจะเดินนโยบายตามหมุดแห่งวิสัยทัศน์ด้วยการพัฒนาองค์กรสู่การเป็น Health Destination ด้านการรักษาพยาบาลในภูมิภาคเอเซีย เพื่อรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่แล้ว ยังตั้งเป้าเปิดตลาดรักษาพยาบาลในต่างประเทศ หลังศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางและศูนย์ศัลยกรรมความงามได้รับการยอมรับจากกลุ่มคนไข้ทั้งชาวไทยและต่างชาติโดยเฉพาะจากประเทศแถบยุโรปและรัสเซีย
โดยในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้จะเดินทางไปจัดโรดโชว์แสดงศักยภาพด้านการรักษาพยาบาลที่กรุงมอสโค ประเทศรัสเซียและเข้าร่วมงานเกย์ แอนด์ เลสเบี้ยน มาร์ดิกราส ซึ่งเป็นงานรวมพลคนรักร่วมเพศที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งประเทศออสเตรเลีย ป็นเจ้าภาพจัดงาน
“ที่ประเทศออสเตรเลีย ตลาดความงามถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ซึ่งกลุ่มผู้รักสวยรักงามและสาวประเภท 2 ในประเทศแถบยุโรปและออสเตรเลียเดินทางเข้ามาผ่าตัดแปลงเพศในประเทศไทยมาก กว่าการเดินทางไปยังประเทศเกาหลี ซึ่งโรงพยาบาลของเรามีความพร้อมในการให้บริการและเป็นที่รู้จักของกลุ่มสาวประเภท 2 ในประเทศแถบยุโรปมานานแล้ว ”
นอกจากนั้นในปีนี้โรงพยาบาลฯ ยังทุ่มงบประมาณอีกว่า 150 ล้านบาทในการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยเพิ่มศักยภาพด้านการรักษาพยาบาลในศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางต่างๆ ทั้งที่เปิดให้บริการอยู่แล้วและที่กำลังจะเปิดใหม่ รวมถึงศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากโดยในเดือนมีนาคมนี้ ยังเปิดให้บริการศูนย์ ICE LAB ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ในการบำบัดผู้ป่วยที่มีความหดหู่ และความเมื่อยล้าในการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน ด้วยการนำความเย็นติดลบกว่า 100 องศา เข้ามาบำบัดพร้อมการรักษาด้านจิตวิทยาและดนตรีบำบัด ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าวนำมาจากประเทศเยอรมัน และถือเป็นการรักษาพยาบาลแนวใหม่แห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน
“ในเมืองพัทยา มีผู้ป่วยที่มีอาการในลักษณะนี้ค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งมาจากสภาพแวดล้อมและปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ซึ่งหากเราสามารถขยายผลการวิจัยด้านการรักษาพยาบาลนี้ไปสู่กลุ่มผู้ป่วยที่ขาดหลักในการทำงาน ก็สามารถปรับสภาพจิตใจให้กับมามีพลังได้ ซึ่งค่ารักษาพยาบาลต่อครั้งจะอยู่ที่ประมาณ 1 พันบาทเท่านั้น และเราคาดว่านวัตกรรมที่นำเข้ามาใหม่นี้จะสามารถเพิ่มกลุ่มคนไข้ในกลุ่มนี้ได้อีกมาก ซึ่งคาดว่าในปีแรกที่เปิดให้บริการเราจะมีกลุ่มคนไข้เข้ารักษาไม่น้อยกว่า 40 คนต่อวัน และ 70% จะเป็นกลุ่มชาวต่างชาติ และคาดว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าการรักษาพยาบาลในส่วนนี้จะเติบโตถึง 20%”
นายแพทย์พิชิต ยังเผยถึงผลประกอบการของโรงพยาบาลฯในปี 2553 ที่ผ่านมาว่ามีรายได้ประมาณ 2.5 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 13% และมีกำไรสุทธิประมาณ 13% ถือเป็นผลกำไรที่สูงสุดในรอบ 20 ปีของการดำเนินงาน ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลฯ ถือเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีรายได้สูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศ ซึ่งในปี 2554 มีการตั้งเป้าผลประกอบการว่าจะต้องมีรายได้รวมไม่น้อยกว่า 2.8 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นการเติบโตตามศักยภาพด้านการให้บริการทางการแพทย์ และการเปิดศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางที่ครอบคลุมทั้งระบบ
นายแพทย์พิชิต กังวลกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา เผยถึงแผนดำเนินงานในปี 2554 ของโรงพยาบาลว่า นอกจากจะเดินนโยบายตามหมุดแห่งวิสัยทัศน์ด้วยการพัฒนาองค์กรสู่การเป็น Health Destination ด้านการรักษาพยาบาลในภูมิภาคเอเซีย เพื่อรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่แล้ว ยังตั้งเป้าเปิดตลาดรักษาพยาบาลในต่างประเทศ หลังศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางและศูนย์ศัลยกรรมความงามได้รับการยอมรับจากกลุ่มคนไข้ทั้งชาวไทยและต่างชาติโดยเฉพาะจากประเทศแถบยุโรปและรัสเซีย
โดยในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้จะเดินทางไปจัดโรดโชว์แสดงศักยภาพด้านการรักษาพยาบาลที่กรุงมอสโค ประเทศรัสเซียและเข้าร่วมงานเกย์ แอนด์ เลสเบี้ยน มาร์ดิกราส ซึ่งเป็นงานรวมพลคนรักร่วมเพศที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งประเทศออสเตรเลีย ป็นเจ้าภาพจัดงาน
“ที่ประเทศออสเตรเลีย ตลาดความงามถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ซึ่งกลุ่มผู้รักสวยรักงามและสาวประเภท 2 ในประเทศแถบยุโรปและออสเตรเลียเดินทางเข้ามาผ่าตัดแปลงเพศในประเทศไทยมาก กว่าการเดินทางไปยังประเทศเกาหลี ซึ่งโรงพยาบาลของเรามีความพร้อมในการให้บริการและเป็นที่รู้จักของกลุ่มสาวประเภท 2 ในประเทศแถบยุโรปมานานแล้ว ”
นอกจากนั้นในปีนี้โรงพยาบาลฯ ยังทุ่มงบประมาณอีกว่า 150 ล้านบาทในการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยเพิ่มศักยภาพด้านการรักษาพยาบาลในศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางต่างๆ ทั้งที่เปิดให้บริการอยู่แล้วและที่กำลังจะเปิดใหม่ รวมถึงศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากโดยในเดือนมีนาคมนี้ ยังเปิดให้บริการศูนย์ ICE LAB ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ในการบำบัดผู้ป่วยที่มีความหดหู่ และความเมื่อยล้าในการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน ด้วยการนำความเย็นติดลบกว่า 100 องศา เข้ามาบำบัดพร้อมการรักษาด้านจิตวิทยาและดนตรีบำบัด ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าวนำมาจากประเทศเยอรมัน และถือเป็นการรักษาพยาบาลแนวใหม่แห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน
“ในเมืองพัทยา มีผู้ป่วยที่มีอาการในลักษณะนี้ค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งมาจากสภาพแวดล้อมและปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ซึ่งหากเราสามารถขยายผลการวิจัยด้านการรักษาพยาบาลนี้ไปสู่กลุ่มผู้ป่วยที่ขาดหลักในการทำงาน ก็สามารถปรับสภาพจิตใจให้กับมามีพลังได้ ซึ่งค่ารักษาพยาบาลต่อครั้งจะอยู่ที่ประมาณ 1 พันบาทเท่านั้น และเราคาดว่านวัตกรรมที่นำเข้ามาใหม่นี้จะสามารถเพิ่มกลุ่มคนไข้ในกลุ่มนี้ได้อีกมาก ซึ่งคาดว่าในปีแรกที่เปิดให้บริการเราจะมีกลุ่มคนไข้เข้ารักษาไม่น้อยกว่า 40 คนต่อวัน และ 70% จะเป็นกลุ่มชาวต่างชาติ และคาดว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าการรักษาพยาบาลในส่วนนี้จะเติบโตถึง 20%”
นายแพทย์พิชิต ยังเผยถึงผลประกอบการของโรงพยาบาลฯในปี 2553 ที่ผ่านมาว่ามีรายได้ประมาณ 2.5 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 13% และมีกำไรสุทธิประมาณ 13% ถือเป็นผลกำไรที่สูงสุดในรอบ 20 ปีของการดำเนินงาน ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลฯ ถือเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีรายได้สูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศ ซึ่งในปี 2554 มีการตั้งเป้าผลประกอบการว่าจะต้องมีรายได้รวมไม่น้อยกว่า 2.8 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นการเติบโตตามศักยภาพด้านการให้บริการทางการแพทย์ และการเปิดศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางที่ครอบคลุมทั้งระบบ