พระนครศรีอยุธยา - ผบก.พระนครศรีอยุธยา เตรียมกำลังตำรวจ 1 กองร้อย รับมือม็อบชาวนาประท้วงวันพรุ่งนี้ (4 มี.ค.) กดดันรอบ 3 หลังครบกำหนดสัญญา 7 วัน ไร้การเหลียวแลจากจังหวัดและรัฐบาล
วันนี้ (3 มี.ค.) พล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับการรายงานจากสายข่าวว่า วันพรุ่งนี้ (4 มี.ค.) จะมีกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหรือม็อบชาวนา จ.พระนครศรีอยุธยา จาก 16 อำเภอใน จ.พระนครศรีอยุธยา และกลุ่มชาวนาจาก 22 จังหวัด จะมารวมตัวประท้วงอีกเป็นครั้งที่ 3 หลังรัฐบาลขอเวลา 7 วัน เพื่อแก้ปัญหาแต่เมื่อครบกำหนด 7 วัน รัฐบาลยังนิ่งเฉยเลยต้องนัดรวมพลประท้วงอีกครั้ง เพื่อกดดันรัฐบาล หน้าศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวใน จ.พระนครศรีอยุธยา รวม 16 อำเภอ จะรวมตัวร่วมชุมนุมเพื่อกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาราคาข้าวที่กำลังตกต่ำ บริเวณ ม.6 ต.บ้านเกาะ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกับเปิดเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล หลังไม่สามารถการแก้ปัญหาราคาข้าวที่ตกต่ำได้ และได้เข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อยื่นหนังสือผ่านไปยังกระทรวงพาณิชย์ ขอให้ช่วยเหลือในเรื่องของการปรับราคาประกันรายได้ข้าวเปลือกเจ้า ที่ความชื้นไม่เกิน 15% จากเดิมตันละ 10,000 บาทเป็นตันละ 14,000 บาท
ข้าวเปลือกหอมจังหวัดจากเดิมตันละ 14,300 บาท เป็นตันละ 16,000 บาท และขอให้มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดปริมาณข้าวตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรจากเดิมครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน เป็นครัวเรือนละไม่เกิน 40 ตัน
แต่ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์และรัฐบาลไม่ได้ใส่ใจในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง และไม่มีการตอบกลับให้ชาวนาได้รับรู้แต่อย่างใด จึงได้กำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาล ซึ่งจะมีการประสานงานกับกลุ่มชาวนาในอีก 22 จังหวัด เพื่อเคลื่อนไหวให้รัฐบาลหามาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะแก้ไขปัญหาราคาข้าวที่ตกต่ำอย่างมาก
ต่อมาในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 ม็อบเกษตรกรชาวนาอยุธยาและตัวแทนชาวนา 22 จังหวัดกว่า 5,000 คน ทยอยเดินทางมารวมตัวที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเกษตรกรส่วนใหญ่เดินทางมาโดยรถส่วนตัว รถโดยสารสองแถวขนาดใหญ่ รถบัส และรถเทรลเลอร์ (บรรทุกรถเกี่ยวข้าว) รวมกว่า 100 คัน ปิดถนนด้านข้างศาลากลาง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล ตำรวจทางหลวง และตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยากว่า 300 นายคอยเฝ้าระวังและดูแลความเรียบร้อย
โดยม็อบชาวนาได้ตั้งเวทีปราศรัยโจมตี นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา และเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดที่เอางบประมาณจังหวัดไปจัดงานต่างๆ ตลอดทั้งปี และไม่สนใจชาวนาที่มารวมตัวที่ศาลากลาง และไม่ยอมออกมาพบ หรือเจรจาแต่อย่างไร ม็อบชาวนาจึงยกระดับนำรถเทรลเลอร์และคนไปปิดถนนสายเอเชีย กม.ที่ 18 ด้านหน้าศาลากลางทั้งฝั่งขาเข้า กทม.และฝั่งขาขึ้นนครสรรค์ ทำให้รถติดเป็นอัมพาตยาวนับหลายกิโลเมตร ถนนสายเอเชียเป็นถนนเส้นหลักรถจากกรุงเทพฯ วิ่งสู่สายเหนือ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องปิดการจราจรและปัดรถจากสายเหนือเลี่ยงไปใช้ถนนสายพหลโยธินเข้า กทม.และรถจากกรุงเทพปัดไปใช้ถนนสายบางปะหัน-ปทุมธานี (347) ขึ้นสายเหนือ
ม็อบชาวนายกระดับไปปิดถนนสายเอเชียช่วงแยก 356 (ถนนเลี่ยงเมือง) บริเวณ ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน ทั้งฝั่งขาเข้า กทม.และฝั่งขาขึ้นนครสวรรค์และปิดถนนสายบางปะหัน-ปทุมธานี(347) ทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งเป็นถนนสายหลักรับรถจากถนนวงแหวนตะวันตกและปทุมธานีไปสายเหนือ หลังจากปิดถนนทำให้การจราจรติดขัดสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน
จากนั้น นายสมชัย ไตรถาวร แกนนำเกษตรกรชาวนา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ขึ้นปราศรัยบนรถสลับสับเปลี่ยนกับตัวแทนชาวนา 22 จังหวัด โดยโจมตีผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และรัฐบาลที่ไม่เหลียวแลเกษตรกรชาวนาผู้เดือดร้อนจะปิดถนนจนกว่าผู้ที่เกี่ยวข้องหรือมีอำนาจออกมาเจรจาและให้คำตอบที่ชัดเจนจึงจะพอใจ
ต่อมาม็อบได้ส่งตัวแทนไปเจรจากับตัวแทนของรัฐบาลๆ ได้ขอเวลา 7 วัน เพื่อหาแนวทางแก้ไขตามข้อเรียกร้องของกลุ่มเกษตรกรชาวนา ทั้งหมดจึงยอมสลายตัว และรอคำตอบจากรัฐบาลจนตอนนี้ครบกำหนดที่รัฐบาลรับปากไว้ แต่ไม่มีวี่แววว่าจะมีการแก้ปัญหาตามที่เรียกร้อง จึงจะนัดรวมพลกันอีกครั้งในวันที่ 4 มี.ค.2554 ที่หน้าศาลากลางหากไม่ได้รับคำตอบเป็นที่น่าพอใจอาจจะมีการปิดถนนกดดันอีก
วันนี้ (3 มี.ค.) พล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับการรายงานจากสายข่าวว่า วันพรุ่งนี้ (4 มี.ค.) จะมีกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหรือม็อบชาวนา จ.พระนครศรีอยุธยา จาก 16 อำเภอใน จ.พระนครศรีอยุธยา และกลุ่มชาวนาจาก 22 จังหวัด จะมารวมตัวประท้วงอีกเป็นครั้งที่ 3 หลังรัฐบาลขอเวลา 7 วัน เพื่อแก้ปัญหาแต่เมื่อครบกำหนด 7 วัน รัฐบาลยังนิ่งเฉยเลยต้องนัดรวมพลประท้วงอีกครั้ง เพื่อกดดันรัฐบาล หน้าศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวใน จ.พระนครศรีอยุธยา รวม 16 อำเภอ จะรวมตัวร่วมชุมนุมเพื่อกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาราคาข้าวที่กำลังตกต่ำ บริเวณ ม.6 ต.บ้านเกาะ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกับเปิดเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล หลังไม่สามารถการแก้ปัญหาราคาข้าวที่ตกต่ำได้ และได้เข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อยื่นหนังสือผ่านไปยังกระทรวงพาณิชย์ ขอให้ช่วยเหลือในเรื่องของการปรับราคาประกันรายได้ข้าวเปลือกเจ้า ที่ความชื้นไม่เกิน 15% จากเดิมตันละ 10,000 บาทเป็นตันละ 14,000 บาท
ข้าวเปลือกหอมจังหวัดจากเดิมตันละ 14,300 บาท เป็นตันละ 16,000 บาท และขอให้มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดปริมาณข้าวตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรจากเดิมครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน เป็นครัวเรือนละไม่เกิน 40 ตัน
แต่ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์และรัฐบาลไม่ได้ใส่ใจในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง และไม่มีการตอบกลับให้ชาวนาได้รับรู้แต่อย่างใด จึงได้กำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาล ซึ่งจะมีการประสานงานกับกลุ่มชาวนาในอีก 22 จังหวัด เพื่อเคลื่อนไหวให้รัฐบาลหามาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะแก้ไขปัญหาราคาข้าวที่ตกต่ำอย่างมาก
ต่อมาในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 ม็อบเกษตรกรชาวนาอยุธยาและตัวแทนชาวนา 22 จังหวัดกว่า 5,000 คน ทยอยเดินทางมารวมตัวที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเกษตรกรส่วนใหญ่เดินทางมาโดยรถส่วนตัว รถโดยสารสองแถวขนาดใหญ่ รถบัส และรถเทรลเลอร์ (บรรทุกรถเกี่ยวข้าว) รวมกว่า 100 คัน ปิดถนนด้านข้างศาลากลาง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล ตำรวจทางหลวง และตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยากว่า 300 นายคอยเฝ้าระวังและดูแลความเรียบร้อย
โดยม็อบชาวนาได้ตั้งเวทีปราศรัยโจมตี นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา และเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดที่เอางบประมาณจังหวัดไปจัดงานต่างๆ ตลอดทั้งปี และไม่สนใจชาวนาที่มารวมตัวที่ศาลากลาง และไม่ยอมออกมาพบ หรือเจรจาแต่อย่างไร ม็อบชาวนาจึงยกระดับนำรถเทรลเลอร์และคนไปปิดถนนสายเอเชีย กม.ที่ 18 ด้านหน้าศาลากลางทั้งฝั่งขาเข้า กทม.และฝั่งขาขึ้นนครสรรค์ ทำให้รถติดเป็นอัมพาตยาวนับหลายกิโลเมตร ถนนสายเอเชียเป็นถนนเส้นหลักรถจากกรุงเทพฯ วิ่งสู่สายเหนือ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องปิดการจราจรและปัดรถจากสายเหนือเลี่ยงไปใช้ถนนสายพหลโยธินเข้า กทม.และรถจากกรุงเทพปัดไปใช้ถนนสายบางปะหัน-ปทุมธานี (347) ขึ้นสายเหนือ
ม็อบชาวนายกระดับไปปิดถนนสายเอเชียช่วงแยก 356 (ถนนเลี่ยงเมือง) บริเวณ ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน ทั้งฝั่งขาเข้า กทม.และฝั่งขาขึ้นนครสวรรค์และปิดถนนสายบางปะหัน-ปทุมธานี(347) ทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งเป็นถนนสายหลักรับรถจากถนนวงแหวนตะวันตกและปทุมธานีไปสายเหนือ หลังจากปิดถนนทำให้การจราจรติดขัดสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน
จากนั้น นายสมชัย ไตรถาวร แกนนำเกษตรกรชาวนา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ขึ้นปราศรัยบนรถสลับสับเปลี่ยนกับตัวแทนชาวนา 22 จังหวัด โดยโจมตีผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และรัฐบาลที่ไม่เหลียวแลเกษตรกรชาวนาผู้เดือดร้อนจะปิดถนนจนกว่าผู้ที่เกี่ยวข้องหรือมีอำนาจออกมาเจรจาและให้คำตอบที่ชัดเจนจึงจะพอใจ
ต่อมาม็อบได้ส่งตัวแทนไปเจรจากับตัวแทนของรัฐบาลๆ ได้ขอเวลา 7 วัน เพื่อหาแนวทางแก้ไขตามข้อเรียกร้องของกลุ่มเกษตรกรชาวนา ทั้งหมดจึงยอมสลายตัว และรอคำตอบจากรัฐบาลจนตอนนี้ครบกำหนดที่รัฐบาลรับปากไว้ แต่ไม่มีวี่แววว่าจะมีการแก้ปัญหาตามที่เรียกร้อง จึงจะนัดรวมพลกันอีกครั้งในวันที่ 4 มี.ค.2554 ที่หน้าศาลากลางหากไม่ได้รับคำตอบเป็นที่น่าพอใจอาจจะมีการปิดถนนกดดันอีก
