คนรักกล้วยไม้เที่ยวชมงานพระราชวังสวยกล้วยไม้งาม ไม่คึกคักนัก

นครปฐม - งานพระราชวังสวย กล้วยไม้งาม นครปฐม 54 นักช้อปกล้วยไม้ยังมาไม่คึกคักเท่าปีที่แล้ว เกษตรกรวอนรัฐเดินหน้าสร้างตลาดทั้งในและต่างประเทศ พร้อมยันนักเพาะพันธุ์กล้วยไม้ดีสุดในโลกอยู่เมืองสยาม

วันนี้ (3 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวติดตามบรรยากาศภายในงาน พระราชวังสวยกล้วยไม้งาม นครปฐม 54 ซึ่งจัดขึ้น ณ พระราชวังสนามจันทร์ อ.เมืองนครปฐม ตั้งแต่วันที่ 2-6 มีนาคม 2554 ซึ่งภายในงานได้มีการจัดกิจกรรมในการแสดงกล้วยไม้สายพันธุ์ต่างๆมากมากและมีการจัดร้านจำหน่ายกล้วยไม้ที่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกล้วยไม้มาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวโดยตรง โดยวันแรกของการจัดงานมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวชมความสวยงามของกล้วยไม้และพระราชวังสนามจันทร์ ราว 1,500 คน

โดย นายชิดพงษ์ ฤทธิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า การจัดงานครั้งนี้แสดงถึงความสำคัญของการกล้วยไม้ในจังหวัดนครปฐม เพราะจากการดูตัวเลขในการส่งออกกล้วยไม้ของจังหวัดนครปฐม นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2547-2551 แยกออกได้ดังนี้ ปี พ.ศ.2547 คิดเป็นเงิน 681,664,415.64 ล้านบาท ปี พ.ศ.2548 คิดเป็นเงิน 833,354,463.51 ปี พ.ศ.2549 คิดเป็นเงิน 805 ล้านบาท และปี พ.ศ.2551 มีมูลค่าส่งออก คิดเป็นเงิน 924,380,064 ล้านบาท
 
ส่วนในปี พ.ศ.2552 มีการส่งออกคิดเป็นเงิน 723,687,679.69 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขการส่งออกที่ลดลงทุกปีช่วงหลัง เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลก ซึ่งรายได้จาการส่งออกกล้วยไม้สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรหลายร้อยครัวเรือน แต่ผลผลิตก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ ซึ่งทางเราได้มีการพัฒนาคุณภาพในเรื่องของกล้วยไม้ตัดดอกที่ได้รับความนิยมจากต่างประเทศ ทั้งดานรูปทรงสีสัน และส่งเสริมให้มีการปลูกกล้วยไม้มากขึ้น การจัดงานปีนี้จังหวัดนครปฐมจึงยังคงเดินหน้าพัฒนาในเรื่องนี้แม้มีตัวแปรหลายๆ อย่างที่มีผลกับวงการกล้วยไม้

ด้าน นางศิริมา เพ็งนรพัฒน์ เกษตรจังหวัดนครปฐม เผยว่า ในการจัดงาน 3 ปี ยังไม่ได้มีการจัดเก็บตัวเลขที่ชัดเจนว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเท่าไหร่ แต่ในปีนี้ได้มีการจัดร้านค้าจากเกษตรกรไว้จำนวน 130 ร้านค้า และมีการนำสายพันธุ์ที่ดีจริงมาจัดจำหน่ายโดยมีการให้ความรู้ที่ชัดเจนกับผู้เพาะเลี้ยงหน้าเก่าและหน้าใหม่ การจัดเก็บสถิติต่างๆซึ่งตัวเลขที่เป็นเม็ดเงินเข้ามาในจังหวัดนครปฐม สำหรับการท่องเที่ยวในปีที่ผ่านๆ มานั้น เราไม่ได้เจาะจงเก็บรายละเอียดหรือสอบถามไปยังเกษตรกร จึงเป็นจุดอ่อนที่ต้องเร่งดำเนินการในปีนี้ ซึ่งกล้วยไม้สามารถปลูกเพื่อสร้างรายได้ตั้งแต่ 2-3 ไร่ ไปจนถึงนับร้อยไร่ โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวนั้นน่าจะมีเพิ่งขึ้นในวันหยุด

ส่วน นายสุริยะ เปี่ยมรอด นสว.ชำนาญการ ในฐานะหัวหน้าทีมประชาสัมพันธ์การจัดงาน กล่าวว่า ในการจัดงานปีนี้ได้มีสำรวจราคากล้วยไม้ที่มาจำหน่ายพบว่าเกษตรกรมีการนำกล้วยไม้ที่สวยงามมาจำหน่ายซึ่งราคาก็ไม่แพงนักเช่นกล้วยไม้ ขนาดกลาง ราคาเฉลี่ย อยู่ที่ 200-300 บาท ขนาดเล็ก 50-80 บาท ส่วนไม่ยังไม่ออกดอกก็เริ่มต้นตั้งแต่ 50 บาทซึ่งถือว่าไม่แพง ส่วนนักท่องเที่ยวนั้นก็พบว่ามีทั้งคนรุ่นเก่าและใหม่ที่เข้ามาในวงการกล้วยไม้ เฉลี่ยอายุประมาณ 30 ปี

ด้าน นางสมคิด คิ้วสุวรรณ อายุ 57 ปี เจ้าของ ฟาร์ม สมคิดออร์คิด อ.สามพราน จ.นครปฐม บอกว่า ปีนี้นักท่องเที่ยวน้อยกว่าทุกปี เพราะเมื่อการจัดงาน 2 ครั้งก่อนนี้มีคนมาหาซื้อกล้วยไม้มากแต่อาจจะเป็นเพราะมีการจัดงานกล้วยไม่หลายแห่งนักท่องเที่ยวจึงมีทางเลือก ส่วนหนึ่งคือกลุ่มที่มี่นั้นจะเน้นการเข้าชมพระราชวังสนามจันทร์ในพระตำหนักต่างๆ ส่วนที่สวนของตนเองนั้นปลูกกล้วยไม้ 7 ไร่ ก็นำของออกมาจำหน่ายเองหลายสายพันธุ์แต่เน้นกล้วยไม้สายพันธุ์คัทรียา เพราะมี่ความถนัด ส่วนประเภทช้าง และหวายก็นำมาจำหน่าย

นางสมคิด บอกว่า ตอนนี้อยากให้ภาครัฐลงมาช่วยพัฒนาตลาดในประเทศด้วย เพราะยอดจำหน่ายลดลงมา จากรายได้ที่เคยจำหน่ายในสวนมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมเมื่อ 2-3 ปีก่อนสร้างรายได้ให้กับครอบครัวเป็นแสนบาท แต่ปัจจุบันเหลือไม่ถึง 5 หมื่นบาท เรียกว่า หายไปครึ่งจึงต้องออกมาหาสถานที่จำหน่ายเอง เพื่อหารายได้เพิ่ม และวอนให้รัฐมองเห็นถึงการพัฒนาช่วยเหลือผู้ปลูกกล้วยไม้อย่างจริงจัง โดยยืนยันว่า ผู้คิดสายพันธุ์ใหม่ๆ นั้น เบอร์หนึ่งของโลกยังเป็นประเทศไทย แต่สิงคโปร์ก็มาซื้อของบ้านเราไปตีตราจำหน่ายในราคาแพงได้ เราก็ควรทำตลาดเองได้บ้าง
 
วันนี้ เวียดนามก็เป็นประเทศที่น่ากลัวที่จะช่วงชิงตลาดจากเรา เพราะเขามาดูงาน และจ้างคนของเราไปทำการเพาะปลูกที่บ้านเขา เราจึงต้องมองจุดนี้เพื่อโอกาสในตลาดของไทยด้วย เพราะกล้วยไม้จริงแล้วทำไม่ยาก จากตนเองไม่รู้เรื่องอะไรเลย 10 กว่าปีที่ผ่านมา ก็สามารถคิดสายพันธุ์เองได้แล้วเรียกว่าประเทศไทยมีคนเก่งอีกเยอะหากจะพัฒนาจริงจัง จะทำให้ตลาดกล้วยไม่ไทยไปได้อีกไกล

โดยจากการตรวจสอบยอดจำนวนนักท่องเที่ยวจากเจ้าหน้าที่พระราชวังสนามจันทร์ พบว่า ปีนี้ท่องเที่ยวลดลงจาก 2 ปีก่อน เชื่อว่า น่าจะเป็นเพราะเศรษฐกิจ แต่วันนี้ก็คาดว่านักท่องเที่ยวจะเพิ่มกว่าวันเปิดงาน เพราะนักท่องเที่ยวนิยมจะมาในช่วงเย็น เพราะอากาศร่มรื่นและสามารถมาชมพระราชวังสนามจันทร์ในยามค่ำคืนได้ด้วย และมีความสวยวิจิตรตระการตา ซึ่งคาดว่าวันนี้น่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเฉียด 2 พันคน และน่าจะมีเยอะในวันหยุดที่จะถึงนี้