สระแก้ว - สสจ.สระแก้ว วางมาตรการเข้มหวั่นโรคระบาด หลังพบ 2 แม่ลูกกัมพูชาป่วยตาย ใกล้ชายแดน สธ.สระแก้ววางมาตรการเข้มหวั่นโรคระบาด
นายแพทย์ อัษฎางค์ รวยอาจิณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว ได้รับแจ้งจากศูนย์ข่าวกรองสำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กระทรวงสาธารณสุข จากการประสานงานข้อมูลสาธารณสุขโรคร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขประเทศกัมพูชา ทราบว่ามีรายงานผู้ป่วยไข้หวัดนก 2 ราย ซึ่งถือว่าเป็นรายที่ 12 และ 13 ของประเทศกัมพูชา โดยผู้ป่วยรายที่ 12 เป็นเด็กทารกเพศชายอายุ 11 เดือน อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านตากอง อำเภอมาลัย จังหวัดบันเตียเมียนเจย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดเสียมเรียบ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ด้วยอาการแทรกซ้อนของระบบทางเดินหายใจจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554
ส่วนรายที่ 13 เป็นมารดาของผู้ป่วยรายแรก อายุ 19 ปี อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน เข้ารับการรักษาในคลินิกเอกชนในจังหวัดบันเตียเมียนเจย ต่อมาเสียชีวิตด้วยอาการแทรกซ้อนของระบบทางเดินหายใจเช่นกัน เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2554 ผลการเก็บตัวอย่างเลือดและตรวจยืนยันพบติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 แม้ว่าผู้ป่วยทั้งสองรายจะมีอาการป่วยที่จังหวัดบันเตียเมียนเจย แต่จากการสอบสวนโรคพบผู้ป่วยได้เตรียมและรับประทานอาหารที่ทำจากไก่ที่ป่วย ขณะที่อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านโรคา ชอร์ อำเภอปลาช สแดช จังหวัดเปรเวง หลังจากนั้น 2-3 วัน ผู้ป่วยเริ่มมีไข้สูง ไอ และมีอาการต่างๆ จนเสียชีวิตในที่สุด
แม้ว่าประเทศไทยจะไม่พบผู้ป่วยไข้หวัดนกรายใหม่ในคนตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว แต่จากการพบผู้ป่วยไข้หวัดนกรายใหม่ในประเทศกัมพูชาซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศไทย แม้ว่าจังหวัดที่ผู้ป่วยไปสัมผัสโรคจะอยู่ห่างจากประเทศไทยก็ตาม แต่ในขณะมีอาการป่วยได้พักอาศัยที่จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับจังหวัดสระแก้ว จึงมีความเสี่ยงสูงอาจจะเกิดการระบาดของโรคไข้หวัดนกในประเทศไทยได้
ดังนั้น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะที่จุดผ่านแดนถาวรคลองลึก อ.อรัญประเทศ และจุดผ่อนปรนอื่นๆ ควรมีการเฝ้าระวังการเข้าออกของผู้เดินทาง รวมถึงการนำเข้าสัตว์ปีก เพื่อป้องกันเชื้อไข้หวัดนกแพร่เข้ามาในประเทศ
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว กล่าวต่อในส่วนของมาตรการของสาธารณสุข ว่า หลังจากทราบข่าวได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึงหน่วยงานสาธารณสุขในสังกัดให้เข้มงวด 5 มาตรการ ดังนี้ 1) คัดกรองผู้ป่วยสงสัยไข้หวัดนก โดยให้แยกจากผู้ป่วยรายอื่น กรณีของสถานีอนามัยหรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบลหากพบผู้ป่วยสงสัยให้ส่งต่อเพื่อทำการรักษา 2) ตรวจสอบห้องแยกเชื้อให้ใช้การได้อยู่เสมอ
3) ตรวจสอบจำนวนและวันหมดอายุของยาต้านไวรัสทามิฟูลในสต๊อก 4)จ่ายยาต้านไวรัสทามิฟูลทันทีที่พบผู้ป่วยสงสัยโรคไข้หวัดนกหรือตามดุลยพินิจของแพทย์ และ 5)ประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำกับประชาชนในพื้นที่ให้หลีกเลี่ยงการเข้าพื้นที่ในฟาร์มสัตว์ปีก หรือพื้นที่ที่มีการระบาด หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วยปอดอักเสบ รับประทานเนื้อไก่และไข่ที่ปรุงสุก หลีกเลี่ยงสัมผัสสัตว์ปีกที่ป่วย ตาย ,ล้างมือทุกครั้งหลังการสัมผัสสัตว์ปีกและสิ่งคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลายของสัตว์ปีกด้วยสบู่และน้ำ และหากสัมผัสสัตว์ปีกป่วย/ตายแล้วมีอาการเป็นไข้ไอ ให้รีบไปพบแพทย์
นายแพทย์ อัษฎางค์ รวยอาจิณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว ได้รับแจ้งจากศูนย์ข่าวกรองสำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กระทรวงสาธารณสุข จากการประสานงานข้อมูลสาธารณสุขโรคร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขประเทศกัมพูชา ทราบว่ามีรายงานผู้ป่วยไข้หวัดนก 2 ราย ซึ่งถือว่าเป็นรายที่ 12 และ 13 ของประเทศกัมพูชา โดยผู้ป่วยรายที่ 12 เป็นเด็กทารกเพศชายอายุ 11 เดือน อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านตากอง อำเภอมาลัย จังหวัดบันเตียเมียนเจย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดเสียมเรียบ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ด้วยอาการแทรกซ้อนของระบบทางเดินหายใจจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554
ส่วนรายที่ 13 เป็นมารดาของผู้ป่วยรายแรก อายุ 19 ปี อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน เข้ารับการรักษาในคลินิกเอกชนในจังหวัดบันเตียเมียนเจย ต่อมาเสียชีวิตด้วยอาการแทรกซ้อนของระบบทางเดินหายใจเช่นกัน เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2554 ผลการเก็บตัวอย่างเลือดและตรวจยืนยันพบติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 แม้ว่าผู้ป่วยทั้งสองรายจะมีอาการป่วยที่จังหวัดบันเตียเมียนเจย แต่จากการสอบสวนโรคพบผู้ป่วยได้เตรียมและรับประทานอาหารที่ทำจากไก่ที่ป่วย ขณะที่อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านโรคา ชอร์ อำเภอปลาช สแดช จังหวัดเปรเวง หลังจากนั้น 2-3 วัน ผู้ป่วยเริ่มมีไข้สูง ไอ และมีอาการต่างๆ จนเสียชีวิตในที่สุด
แม้ว่าประเทศไทยจะไม่พบผู้ป่วยไข้หวัดนกรายใหม่ในคนตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว แต่จากการพบผู้ป่วยไข้หวัดนกรายใหม่ในประเทศกัมพูชาซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศไทย แม้ว่าจังหวัดที่ผู้ป่วยไปสัมผัสโรคจะอยู่ห่างจากประเทศไทยก็ตาม แต่ในขณะมีอาการป่วยได้พักอาศัยที่จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับจังหวัดสระแก้ว จึงมีความเสี่ยงสูงอาจจะเกิดการระบาดของโรคไข้หวัดนกในประเทศไทยได้
ดังนั้น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะที่จุดผ่านแดนถาวรคลองลึก อ.อรัญประเทศ และจุดผ่อนปรนอื่นๆ ควรมีการเฝ้าระวังการเข้าออกของผู้เดินทาง รวมถึงการนำเข้าสัตว์ปีก เพื่อป้องกันเชื้อไข้หวัดนกแพร่เข้ามาในประเทศ
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว กล่าวต่อในส่วนของมาตรการของสาธารณสุข ว่า หลังจากทราบข่าวได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึงหน่วยงานสาธารณสุขในสังกัดให้เข้มงวด 5 มาตรการ ดังนี้ 1) คัดกรองผู้ป่วยสงสัยไข้หวัดนก โดยให้แยกจากผู้ป่วยรายอื่น กรณีของสถานีอนามัยหรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบลหากพบผู้ป่วยสงสัยให้ส่งต่อเพื่อทำการรักษา 2) ตรวจสอบห้องแยกเชื้อให้ใช้การได้อยู่เสมอ
3) ตรวจสอบจำนวนและวันหมดอายุของยาต้านไวรัสทามิฟูลในสต๊อก 4)จ่ายยาต้านไวรัสทามิฟูลทันทีที่พบผู้ป่วยสงสัยโรคไข้หวัดนกหรือตามดุลยพินิจของแพทย์ และ 5)ประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำกับประชาชนในพื้นที่ให้หลีกเลี่ยงการเข้าพื้นที่ในฟาร์มสัตว์ปีก หรือพื้นที่ที่มีการระบาด หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วยปอดอักเสบ รับประทานเนื้อไก่และไข่ที่ปรุงสุก หลีกเลี่ยงสัมผัสสัตว์ปีกที่ป่วย ตาย ,ล้างมือทุกครั้งหลังการสัมผัสสัตว์ปีกและสิ่งคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลายของสัตว์ปีกด้วยสบู่และน้ำ และหากสัมผัสสัตว์ปีกป่วย/ตายแล้วมีอาการเป็นไข้ไอ ให้รีบไปพบแพทย์
