อุบลราชธานี -ตามหลอกถึงในงานศพ เมื่อโอนเงินให้ไปแล้วเงียบหาย แต่สงสัยก่อนเสียชีวิตหลานชายบอกกับแม่ว่า ได้ทำประกันภัยอุบัติเหตุวงเงินทดแทน 400,000 บาท แต่ยังค้างค่าเบี้ยที่ยังจ่ายไม่หมดประมาณ 4,000 บาท จึงสงสัยว่าทำประกันจริง แต่ยังไม่ได้กรมธรรม์ ทำให้ถูกปฏิเสธ วอนถ้าไม่จ่ายเงินทดแทนก็ให้คืนเงินเบี้ยประกันที่ส่งไป
วันนี้ (25 ก.พ.) นางวิไลรัตน์ เข็มเพชร อายุ 46 ปี ครูพี่เลี้ยงเด็กโรงเรียนวัดศรีอุบลรัตนาราม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี และเป็นน้าสาวที่เลี้ยงดู ส.อ.ธนากร พูลเพิ่ม อายุ 30 ปี ทหารสังกัดกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 6 กรมทหาราบที่ 6 ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบกับทหารกัมพูชา เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 6 ก.พ.และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ได้ร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 10 ก.พ.มีผู้อ้างตัวเป็น ร.ต.ดำรงค์ ไม่ทราบนามสกุล โทรศัพท์มาหา นายมนูญ ดำลี กำนันตำบลเสียว อ.เบญจลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ให้นำความไปแจ้งกับ นางสมัย พูลเพิ่ม มารดาของ ส.อ.ธนากร ให้โอนเงิน 3,860 บาท ชำระเป็นค่าเบี้ยประกันที่ยังค้างอยู่ในงวดสุดท้าย จาก 3 งวด ที่ ส.อ.ธนากร ได้ทำประกันอุบัติเหตุไว้กับทางบริษัทประกันภัยสาขาอุบลราชธานีแห่งหนึ่ง ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้รับเงินสินไหมทดแทนจากเงินประกันจำนวน 400,000 บาท
นางวิไลรัตน์ เล่าต่อว่า หลังได้รับโทรศัพท์จากผู้อ้างตัวเป็น ร.ต.ดำรงค์ ก็ได้ให้น้องสาวไปโอนเงินเข้าบัญชีหมายเลข 478-4055-743 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาตลาดเจ้าพระยา จ.พระนครศรีอยุธยา ชื่อเจ้าของบัญชีคือ นายเสกสรร ไทรย้อย
หลังโอนเงินบุคคลที่อ้างตัวเป็น ร.ต.ดำรงค์ ก็ได้โทรศัพท์แจ้งให้ญาติ ส.อ.ธนากร เตรียมเอกสารการเสียชีวิตไว้ให้กับตัวแทนประกันภัยที่จะเดินทางไปรับ เพื่อนำเอกสารมาทำเรื่องขอรับเงินสินไหมทดแทน
แต่ปรากฏว่า หลังจัดงานศพของ ส.อ.ธนากร เสร็จเรียบร้อย ก็ไม่มีตัวแทนบริษัทประกันภัยตามที่อ้างมาขอรับเอกสารแต่อย่างใด และเมื่อติดต่อกลับไปที่หมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อมา ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้สอบถามไปยังธนาคารกรุงเทพ จำกัด ต้นทางที่ทำการโอนเงินไป ก็ได้เพียงชื่อของเจ้าของบัญชี และเมื่อตรวจสอบไปยังบริษัทประกันภัยที่คนร้ายอ้าง เจ้าหน้าที่บริษัทก็แจ้งว่า ไม่ปรากฏชื่อของ ส.อ.ธนากร ได้ทำประกันไว้กับทางบริษัทแต่อย่างใด
นางวิไลรัตน์ เล่าอีกว่า แต่จากการสอบถามนางสมัยพี่สาว ทราบว่า เมื่อปลายเดือน ม.ค. ก่อน ส.อ.ธนากร เสียชีวิตได้กลับมาเยี่ยมบ้านและบอกกับนางสมัย ไว้ว่า ได้ทำประกันอุบัติเหตุไว้ในวงเงินดังกล่าวจริง แต่ยังจ่ายเบี้ยประกันให้ไม่ครบ และนางสมัยไม่ได้ถามว่าหลานชายทำไว้กับบริษัทใด รวมทั้งยังไม่มีกรมธรรม์ประกันภัย
จึงได้แต่ขอวอนว่า ถ้าหลานชายตนทำประกันไว้จริง ก็ขอให้นำเงินมาชดเชยให้กับครอบครัว หรือนำเงินค่าเบี้ยประกันที่ได้จ่ายไปมาคืนให้ด้วย อย่าได้มาหากินกับคนที่ตายเพื่อประเทศชาติเลย เพราะเพียงเท่านี้นางสมัยผู้เป็นแม่ก็ทุกข์ยากอยู่แล้ว